
ภูมิธรรม-ทวี ออกเดินทางไปจีน นำคณะสื่อดูความเป็นอยู่ ‘ชาวอุยกูร์’ ขอพบชุดแรกปี’58 ด้วย
เมื่อเวลา 23.30 น. (18 มี.ค.) ที่ท่าอากาศกองบิน 6 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและคณะผู้แทนไทย ออกเดินทางด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ ไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ หลังจากประเทศไทยส่งกลับ
เมื่อเดินทางไปถึง คณะจะแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือคณะของนายภูมิธรรมกับชุดของ พ.ต.อ.ทวี ทั้งนี้ ที่ต้องมีการแยกคณะ เนื่องจากมณฑลซินเจียงเป็นพื้นที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า และชาวอุยกูร์ต่างก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาตามเมืองต่าง ๆ ในมณฑลซินเจียงซึ่งอยู่ห่างไกลกัน โดยคณะต้องนั่งรถออกไป 250-300 กิโลเมตร
นอกจากนี้ จะมีการหารือกับผู้นำศาสนาอิสลาม ที่มัสยิดอิดกะฮ์ รวมทั้งมีการประชุมหารือร่วมกับแพทย์ที่รักษาตัวชาวอุยกูร์ ก่อนที่ช่วงค่ำจะหารือกับนายหม่า ซิงรุ่ย เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางว่า ตนตั้งใจจะไปดู 40 คนที่เราส่งไปครั้งนี้ และขณะนี้ยังได้ขอทางจีนไปผ่านทางนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อเจอกับกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ส่งไปรอบก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ คิดว่าจะพยายามจัดการให้ จนอยากให้เห็นว่ากระบวนการต่าง ๆ สามารถทำให้ชาวอุยกูร์เลือกอนาคตของตัวเองได้
ตนตั้งใจเจอทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และจะไปพบกับผู้นำทางศาสนาอิสลามในพื้นที่ที่คล้ายกับจุฬาราชมนตรีของไทย รวมถึงแพทย์ผู้ให้การรักษา เพื่อให้รู้ว่าเขากลับไปแล้วสภาพความเป็นอยู่เมื่อส่งกลับบ้านแล้วเป็นอย่างไร เราพยายามไปเจอที่บ้านให้ได้มากที่สุด แต่เท่าที่ทราบเขาอยู่ห่างไกลกันมาก เนื่องจากพื้นที่ซินเจียงอุยกูร์เขาใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่า
โดยจะพบกับชาวอุยกูร์ที่อยู่ใกล้เมืองคาซือ ระยะทางห่างประมาณ 150-170 กิโลเมตร แต่ถ้าไกลกันมากก็ขอให้ซูมมาจะได้พูดคุยและเห็นหน้า พร้อมทั้งยังได้ขอนายหานให้สื่อมวลชนที่ไปกับคณะเข้าไปยังบ้านพักที่ตนเข้าไปพบด้วย ตนขอให้ทางการจีนยืดหยุ่นกับเรา ถ้ามีเงื่อนไขเต็มไปหมดแล้วไม่ได้เจอใครเลยถ้าไปอย่างนี้ตนตายแน่ เราอยากให้สื่อได้เจอ และคณะที่เดินทางไปนี้มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่คอยดูแลคนเหล่านี้ร่วมคณะไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยในเรื่องการสื่อสารเพราะคุ้นเคยกัน
“เราอยากดูชาวอุยกูย์ตามสิ่งที่เขาเป็น เพื่อให้เห็นว่าตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงการฝึกอาชีพให้กับเขาอย่างไร เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ต่างไปจาก 10 ปีที่แล้วอย่างไร และเหตุผลที่ขอให้เบลอภาพชาวอุยกูร์นั้น เพราะเป็นความประสงค์ของเขา เพราะเขาอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ” นายภูมิธรรมกล่าว