
นายกฯ บินนครสวรรค์ ตรวจงานสกัดเครือข่ายยาเสพติด 7 คดีใหญ่ เร่งรัดจัดเครื่องเอกซเรย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศกันยายนนี้ ลั่นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบวงจร
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจราชการติดตามผลการปฏิบัติการปราบปรามและจับกุมยาเสพติดที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี น.ส.ชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และนายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย สส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย รอต้อนรับ
เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะถึงบริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานผลการจับกุมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำชมของกลางที่สามารถจับกุมได้ 7 คดีใหญ่ (ยาบ้า 20,008,000 เม็ด, ไอซ์ 700 กิโลกรัม คีตามีน 199 กิโลกรัม) มาให้นายกฯ ได้ดู
จากนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงว่า วันนี้มาที่นครสวรรค์เพื่อดูเรื่องการจับยาเสพติด ซึ่งมีทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และยาเค อย่างที่เห็นยาบ้าจับได้ทั้งหมด 20 ล้านเม็ด ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการคงไม่สามารถจับเคสใหญ่ ๆ แบบนี้ได้
ส่วนที่อยู่ต่างประเทศก็ขอความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย และตอนนี้ได้รับการรายงานว่ารถที่ส่งยาเสพติดค่าจ้างเริ่มแพงขึ้น แปลว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้เข้มข้นขึ้น ทำให้การขนส่งยาเสพติดเป็นไปได้ยากขึ้น
ขณะที่ราคายาบ้า เมื่อก่อนถูกมาก ราคาแพงขึ้น หาได้ยากขึ้น ต้องขอบคุณและชื่นชมจากใจจริง นโยบายที่รัฐบาลออกมากวาดล้างยาเสพติดคงไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น รัฐบาลให้ความมั่นใจว่าจะปราบปรามอย่างจริงจัง และคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย จึงต้องมีมาตรการดูแลเจ้าหน้าที่ด้วย
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนที่มีเบาะแสจะแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขึ้น จากนี้จะขอความร่วมมือจากกระทรวงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบำบัดผู้เสพกลับคืนสู่สังคม ตนพูดเสมอว่าคนติดยาอย่าไปมองว่าเขาเป็นคนไม่ดี เพราะบางครั้งอาจผิดพลาดเพราะมีปัญหาในชีวิต ดังนั้น ต้องช่วยกันในการบำบัดให้กลับเข้าสู่สังคมอันนี้คือสิ่งสำคัญ โดยรัฐบาลจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบวงจรและเข้มข้นขึ้นในทุกภาคส่วน
เมื่อถามถึงเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดที่มีไม่เพียงพอ นายกฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องจริงที่มีไม่เพียงพอ โดยมีงบประมาณตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะต้องให้มีเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดมากขึ้น เพื่อจะได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศในเดือน ก.ย.นี้ แต่ว่าที่มีการพูดคุยในกระบวนการ ตนอยากขอให้เร่งว่าถ้าเครื่องไหนเสร็จก่อนก็ขอให้เริ่มนำมาใช้งานได้เลย
ส่วนเรื่องการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทำเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนของกลางที่ยึดมีการกำหนดวันการทำลาย โดยยืนยันมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งเรื่องยาเสพติดนั้นคนที่ขนเข้ามาต้องตระหนักรู้ว่าทำลายประเทศชาติอย่างมาก ฉะนั้น การยึดทรัพย์เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เลย
เมื่อถามต่อว่าประชาชนจะสามารถมั่นใจได้อย่างไร ว่ายาเสพติดที่จับกุมจะไม่มีการนำมาวนในกระบวนการอีก นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มี การวนต้องไม่มี ตนได้คุยและได้เห็นเองแล้ว ตั้งแต่มีการสั่งการไปเจ้าหน้าที่ทุกคนก็กลัวว่าของกลางจะหาย โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้า มีตัวเลขและจำนวนที่ชัดเจน เพื่อรอการทำลาย ฉะนั้น อยากให้ประชาชนไว้ใจได้ และสบายใจเรื่องนี้ได้ โดยยาเสพติดที่ถูกจับแล้วตอนนี้ ตั้งแต่ที่ตนสั่งการไปไม่มีการวนกลับไปในระบบอย่างแน่นอน
เมื่อถามต่อว่า 7 คดีที่แถลงข่าววันนี้ (21 มี.ค. 68) จะสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสาวได้แน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันมา และบางกรณีที่อยู่ในต่างประเทศก็มีการออกหมายจับไปแล้ว ซึ่งมีทั้งระดับผู้สั่งการ รายใหญ่ รายเล็ก และเจ้าของการผลิต พร้อมยืนยันว่า 7 คดีนี้ยังไม่มีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้อง