ต่ออายุมาตรการ 3 ตัด “สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งช่วยคนไทยเพิ่ม

คกก.ปชด. ต่อมาตรการ 3 ตัด สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง ย้ำเดินหน้าต่อ “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งหาทางช่วยคนไทยเพิ่ม พร้อมคุยเพื่อนบ้านตัดตอน หลังพบย้ายฐานกระจายหลายที่-บอกรอบ 1 เดือน ดีเกินความคาดหมาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือคณะกรรมการ ปชด. ครั้งที่ 2 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายภูมิธรรมพร้อมด้วย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการพิเศษ ฉก 331 ที่เป็นชุดป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดทางบก รวมถึงเยี่ยมชมชุดปฏิบัติการพิเศษ ฉก 88 ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์

จากนั้นนายภูมิธรรมกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการ ปชด.ว่า เป็นการประมวลสรุปการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง การงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า และสัญญาณโทรคมนาคม หรือมาตรการ 3 ตัด รวมทั้งปฏิบัติการ Seal Stop Safe โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการดำเนินการและข้อติดขัด ที่ยังพบว่าไม่มีตัวกลางในการประสานงาน นายกรัฐมนตรีจึงได้ตั้งคณะกรรมการ ปชด. ทำให้การบูรณาการและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินการมาตรการ 3 ตัดต่อไป เพราะจากการประเมินส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนคดีลดลงถึงร้อยละ 22 อยู่ที่ 30,000 กว่าคดี มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ 10 ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้ก่ออาชญากรรม และผู้ที่ทำคดีเกี่ยวกับกรณีนี้ มีการถอยจากฐานที่ตั้ง และกระจายไปในส่วนต่าง ๆ แม้จะมีบางส่วนที่มีโทรศัพท์ใช้หลอกลวงได้อยู่ นั่นแสดงว่า ยังมีกระบวนการนี้อยู่ เช่น ที่พญาตองซู จึงเดินหน้านโยบายนี้ต่อ

นอกจากนี้ ยังทราบมาว่ามีการย้ายฐานที่มั่นจากเมียวดี ไปทางกัมพูชา เวียดนาม ลาว ซึ่งต้องดำเนินการตรงนี้อย่างเต็มที่ พร้อมย้ำว่า จะดำเนินการต่อไม่หยุดอย่างแน่นอน ตามคำที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “ไม่จบไม่เลิก” ซึ่งได้ให้กำลังใจทุกฝ่ายไป ต่างชาติให้การสนับสนุน และชื่นชมในสิ่งที่ไทยทำ เพราะเป็นการขยายผล ที่ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่แก้ปัญหาไปถึงต่างประเทศด้วย

ADVERTISMENT

นายภูมิธรรมย้ำว่า ขณะนี้กำลังเพิ่มแนวทางการช่วยเหลือคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามักเป็นกลุ่มต่างชาติ เช่น จีน เอธิโอเปีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น พร้อมกับพยายามที่จะให้นำเครื่องบินทหาร หรือเครื่องบิน ไปลงที่จังหวัดตาก เพื่อนำตัวกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับออกไป ส่วนประเทศที่ไม่มีสถานทูตก็พยายามประสานนำตัวออกไปโดยใช้เครื่องบินพาณิชย์

นายภูมิธรรมยังระบุว่า ขณะนี้ได้พูดคุยกับกัมพูชาและลาว ซึ่งในส่วนของลาวที่พบในคิงโรมัน ก็มีการกระจายกันไปใกล้ชายแดนเวียดนาม ส่วนกัมพูชาอยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งตนเองได้ทำจดหมาย โดยมอบให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปให้กับรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีมหาดไทย และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา ซึ่งได้วางแผนร่วมกันแล้ว แต่ขณะนี้มาตรการได้เพ่งเล็งไปที่ผู้ก่ออาชญากรรม เพื่อที่จะไปติดตาม และแก้ปัญหานี้ได้อย่างเข้มข้น

ADVERTISMENT

นายภูมิธรรมยังกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาทางกฎหมาย ที่จะมาช่วยหารือและดูแล เพราะจากปัญหาที่พบ คือ ต้องมีข้อกฎหมาย ความเหมาะสม และนานาชาติให้การรับรองได้ รวมถึงยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ได้เน้นไปที่ส่วนต่าง ๆ ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยีไซเบอร์ ซึ่งมีการแบ่งการดำเนินการชัดเจน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ โดยหามาตรการระงับสัญญาณโทรศัพท์ ที่พบว่ามาจากไซเบอร์ใยแก้ว ซึ่งได้ประสานงานกับ กสทช.มาพูดคุยแล้ว

นายภูมิธรรมยังย้ำว่า การทำงานของรัฐบาลในรอบ 1 เดือนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเกินความคาดหวังของเรา จากนี้ไปก็จะทำให้เพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาในขณะนี้คือเราแก้ปัญหาเรื่องคน ที่เราไม่ทราบตัวตน เมื่อแก้ปัญหาหนึ่งได้ก็จะเกิดอีกปัญหาหนึ่ง เหมือนเรากำลังไล่ตามเงาของพวกเขา แต่เชื่อว่ามาตรการที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ลงไป ได้ผลที่มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

ส่วนแนวทางที่จะให้ 5 อำเภอในจังหวัดตาก เป็นพื้นที่พิเศษคุมเข้มนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ให้หารือกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้แม้ว่าจะยึดมาตรการความมั่นคง แต่ก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องหาดูว่าไปถึงระดับใด แต่ทางนักธุรกิจต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ถึงขนาดที่จะต้องดำเนินการแก้ไข ย้ำว่าขณะนี้เป็นการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยชน ด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจของประเทศ และเราจะต้องหาจุดที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ก็ยังคงแก้ปัญหาอย่างเข้มงวดต่อไป

เมื่อถามว่า สิ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้เป็นการแก้ไขในส่วนของปอยเปตและจังหวัดตาก เป็นการป้องกันภายในประเทศ แต่นโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการทำให้เรื่องนี้จบลง แต่บรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ยังคงอยู่ จะจบเรื่องนี้ได้จริงหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า หากจะจบก็จบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถจัดการได้ เราต้องร่วมมือกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าภัยคุกคามนี้ขยับไปอยู่ที่ตรงไหน ส่วนจะขยับฐานที่มั่นไปส่วนไหน ส่วนนั้นก็ต้องรับผิดชอบให้เข้มข้นขึ้น

ส่วนมาตรการตัดไฟตัดอินเทอร์เน็ต กลับประเทศเมียนมาจะมีการอะลุ่มอล่วยให้กันหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการเสนอให้คำนึงเรื่องของมนุษยธรรม ก็คงจะต้องดูถึงความพอดี หากไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม ก็ต้องดูว่าจะช่วยได้สักแค่ไหน แต่ยืนยันว่าขณะนี้เรายังไม่ผ่อนปรนมาตรการ พร้อมยืนยันว่าไม่จบไม่เลิก

นายภูมิธรรมย้ำว่า การดำเนินงานมีความคืบหน้าไปมาก ด้านพญาตองซู มีความคลี่คลายไปเยอะมาก
ส่วนที่ขยับเข้าไปลึกขึ้นเรื่องนี้ก็ต้องตามทางการข่าวต่อไป ส่วนทางแม่สอด ขณะนี้ยังมีผู้คนทะลักอยู่ และยังไม่สามารถระบายคนออกไปได้เยอะ ตนได้มอบนโยบายพิเศษออกไปว่าให้ระบายออกไปให้เยอะที่สุดแต่ห้ามเข้ามา เพราะเราไม่ต้องการที่จะแบกภาระในการเป็นศูนย์อพยพ เพราะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมวันนี้ยังมีการพูดถึงการกระชับและลงในรายละเอียดมากขึ้นถึงการจัดการปรับเน็ต แต่ทางผู้ปฏิบัติไม่มั่นใจว่าจะครอบคลุมไปถึงการตัดไฟเบอร์ของเอกชนด้วยหรือไม่ ซึ่งให้ผู้รับผิดชอบไปดูในรายละเอียดตามกรอบของกฎหมาย