ย้อนวาทะเดือด ภูมิธรรม : กัณวีร์ ปมส่งอุยกูร์กลับจีน

ย้อนคำอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันแรก สส.พรรคเป็นธรรม ซัดเดือด ปมรัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน ไม่ทำตามคำแถลงต่อรัฐสภา ด้านรองนายกฯสวน รัฐบาลทำตามกลไกที่อิงสิทธิมนุษยชน ขอให้มองตามหลักความเป็นจริง

วันที่ 24 มีนาคม 2568 เวลา 19.12 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายถึงการบริหารนโยบายด้านการต่างประเทศของแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีความเหมาะสม ขาดวุฒิภาวะ ขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน

และจารีตของการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศ ทำลายภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลก จนส่งผลกระทบต่อการลงทุน

ทั้งที่นโยบายการต่างประเทศที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา คือ การรักษาจุดยืนในการไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ คำนึงถึงมาตรฐานสากล และกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ แต่ถามว่าวันนี้ท่านได้ทำหรือไม่ สิ่งที่ตนเห็นมีแค่ฟรีวีซ่า นำเข้าจีนเทา และส่งออกผู้ลี้ภัย

กัณวีร์ย้อนคำแถลง “เป็นกลาง-ไม่เลือกข้าง”

นายกัณวีร์ กล่าวถึงการส่งอุยกูร์กลับจีนว่า มาตรฐานสากลในการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย ได้แก่ 1. การเดินทางกลับประเทศโดยสมัครใจ 2. การอยู่ประเทศที่ขอลี้ภัย และ3.การตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3

“แต่ท่านกลับตัดสินใจให้ชาวอุยกูร์เดินทางกลับประเทศ มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่าง การเดินทางโดยสมัครใจ หรือการผลักดันบังคับกลับประเทศต้นทาง ซึ่งนายกฯให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าสมัครใจไม่มีการบังคับ

ADVERTISMENT

จนกระทั่งวันที่ 18-20 มีนาคม มีละครคุณธรรมที่นำ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่จีน เป็นส่วนหนึ่งของ 73 วันแห่งการโกหก

ย้อนคำสิ่งที่ท่านแถลงต่อรัฐสภาและประชาชนว่าจะไม่เลือกข้าง แต่รู้หรือไม่ว่าท่านเลือกข้างไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งท่านเลือกข้างผิด และตั้งแต่ผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีน ประเทศไทยโดยประณามในเวทีระหว่างประเทศ ทำไมเราต้องเอาตัวเราไปอยู่ระหว่างความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ

ADVERTISMENT

ทั้งที่เราต้องมีจุดยืนที่มั่นคง แต่ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดนี้มีจุดยืนดังกล่าว หลักฐานที่ท่านต้องนำมาแสดงให้ได้คือความสมัครใจของชาวอุยกูร์ 40 ชีวิต ท่านต้องเอาเขามาพูดถึงความสมัครใจ ไม่ใช่ละครคุณธรรมแบบนี้”

ท่านเย้ยหยันกฎหมายหลักนิติธรรมจนทั่วโลกประณาม นโยบายการต่างประเทศท่านเขียนด้วยมือแต่ลบด้วยเท้าสกปรกของท่านเอง ท่านไม่รักษาคำพูดที่จะไม่เอาตัวเองไปอยู่ในความขัดแย้ง การการทำที่ท่านทำมีการเตรียมการอย่างเลือดเย็น เปรียบเสมือนอาชญากรรมข้ามชาติ

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้โลกเห็นแต่ไทยไม่เห็น และสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่า การทุจริตเชิงนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่ท่านได้กระทำไปแล้ว” นายกัณวีร์กล่าว

ภูมิธรรมสวนอย่าเพ้อฝัน พูดไปเรื่อย

เวลา 20.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า สิ่งที่ท่านพูด เข้าใจได้ว่าท่านไร้ประสบการณ์ ไม่เคยบริหารประเทศ จึงพยายามจะพูดหลายเรื่อง เพื่อให้ต้องมาแสดงออกโดยไม่คำนึงว่าผลประโยชน์ของประเทศ และความมั่นคงของชาติว่าต้องใช้ความระมัดระวังอะไร

ใช้แต่จินตนาการพูดแล้วเหมือนไม่รักประเทศ และจินตนาการต่อไปเรื่อย ๆ โดยนำสิ่งเหล่านี้มาวิจารณ์คนอื่น ว่าเป็นนักต้มตุ๋นว่าเป็นนักแสดงจริง ๆ ทั้งหมดนี้ถ้าท่านชี้นิ้วมาที่ตนเอง ทั้งหมดจะย้อนกลับไปที่ท่าน แล้วจะตอบว่า แต่ละเรื่องที่ท่านโกหกมีอะไรบ้าง

ปัญหาเรื่องชาวอุยกูร์เป็นปัญหาที่ตกค้างมานานมาก ซึ่งชาวอุยกูร์ที่เข้ามาติดเรื่องการเข้าประเทศผิดกฎหมาย โทษอย่างสูงก็ 2 ปี แต่รัฐบาลไทยที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงได้ขังมากว่า 11 ปี ซึ่งการขังเป็นเรื่องที่ผิดหลักมนุษยธรรม แต่ปัญหาของไทย คือเราอยู่บนทางสองแพร่ง ล้วนแต่มีคนพิพากวิจารณ์ทั้งสิ้น รัฐบาลที่ผ่านมาจึงไม่กล้าตัดสินใจโดยแท้

แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหา เพราะฉะนั้น หลายเรื่องที่นายกฯ สั่งการให้ตนเองไปดำเนินการ ก็บอกเลยว่า ถ้าแก้ได้ ให้รีบแก้ หาทางออกให้ได้ อย่าปล่อยให้รัฐบาลนี้ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามา แล้วไม่ได้ทำอะไร

อุยกูร์เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องจัดการ เพราะเรามีกฎหมายทรมานอุ้มหาย เพราะฉะนั้นการที่เราขังเขาเกินกว่าโทษที่เขาควรจะได้รับแค่ 2 ปีเท่านั้น สารภาพ และอาจจะเหลือ 1 ปีหรือครึ่งปี แต่เราขังเขามากกว่า 11 ปี

ผมเศร้าใจว่าทำไมไม่เก็บเขาไว้ในคุกแล้วไปต่อรองกับสหรัฐอเมริกา นี่เป็นคำพูดที่ไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของคนเลย เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่อยู่ในพรรคของพวกท่านนี่แหละ ท่านอย่ามองคนอื่นเป็นสินค้า ท่านต้องมองให้เห็นความเป็นมนุษย์ของเขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปากพูดมนุษย์ แต่วิธีการปฏิบัติไปได้เรื่อย ๆ ไม่เคยคำนึงถึงอะไรเรื่องชาวอุยกูร์ เรามีทางเลือกอยู่ 3 ทาง คือ

1. ขังเขาต่อไปซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรควรจะต้องหาทางออกให้เขา การขังเขา แม้ว่าเราจะปฏิบัติดี อย่างไรก็ตาม เราเองหาทิศทางให้ดี และเจ้าหน้าที่เราดูแลเขาอย่างดี ให้โอกาสเขาได้ปฎิบัติหน้าที่อะไรหลาย ๆ อย่าง แต่มันก็ทรมาน

“คนเราในคุก อยู่ในกรงขัง ห่างจากบ้านเมืองมา ท่านไม่เคยอยู่ในสภาพนี้ เพราะฉะนั้น ท่านไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาเผชิญกับความจริงเป็นอย่างไร ท่านได้แต่นั่งจินตนาการ คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย” นายภูมิธรรม กล่าว

2.ส่งไปประเทศที่สาม ถ้าชาวอุยกูร์เป็นเรื่องความสำคัญระหว่างด้านสิทธิมนุษยชนจริง ๆ ทำไมถึงไม่มีใครขอเขากลับไป ทำไมถึงไม่มีใครให้สิทธิผู้ลี้ภัยกับเขา แม้กระทั่งองค์การระหว่างประเทศก็ยังไม่เห็นใยดีเลย ถ้าให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย รัฐบาลไทยก็จะจัดการได้ดีขึ้น

มีแต่คนพูด ไม่เคยดูว่าความเป็นจริงจะทำได้อย่างไร บอกว่ายินดีจะพูด จะรับ แต่จดหมายที่เป็นทางการอย่างที่พึงกระทำไม่เคยมี เพราะฉะนั้น เรื่องการไปประเทศที่สาม เป็นเรื่องความเพ้อฝันของพวกท่าน เป็นเรื่องความเพ้อฝันของคนอีกหลายคน” นายภูมิธรรมกล่าว

3.ส่งเขาไปให้กลับประเทศเจ้าของ ท่านบอกว่าเขาไม่ใช่ชาวจีน มีบางคนที่บอกว่ามีหลักฐานว่าเขาเป็นชาวตุรกี ผมมีหลักฐานทั้งหมดว่า 40 คนเป็นคนจีน ท่านบอกว่าท่านไม่สบายใจ ถูกบังคับว่าเล่นละครชุดใหม่ ว่าเขาพวกนี้ต้องการบังคับ จนกระทั่งหยิบเอาจดหมายที่ปลอมขึ้นมาพูด ตนเองมีหลักฐานแน่นอนว่า 40 คนสมัครใจ ท่านอยากเจอ อยากทราบก็พบกันได้เอาหลักฐานมาเปิดให้ดูต่อหน้าสื่อมวลชน

นายภูมิธรรม ระบุว่า เอกอัครราชทูตของประเทศต่าง ๆ มาเจอตนเอง เขาห่วงใย แต่พอชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดเขาก็เข้าใจ

“เขามีวุฒิภาวะ เขาเป็นตัวแทนรัฐบาล และรู้ว่าแม้ว่าเขาจะชอบใจ หรือไม่ชอบใจอะไร แต่เขายืนอยู่กับความเป็นจริง ไม่ใช่ยืนอยู่กับจินตนาการ ฝันไปเรื่อย พูดไปเรื่อย คิดไปเรื่อย และชี้นิ้วใส่คนอื่นว่ามีปัญหา จริง ๆ ต้องหันกลับดูตัวเองให้มาก ๆ นะครับว่าคนมีปัญหาคือใคร” นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเองอยู่ที่เมืองจีน เราตกลงกัน ท่านรู้อยู่แล้ว เราไม่อยากพูดเยอะว่าเรารู้ว่าการส่งกลับเมืองจีนในแง่สิทธิมนุษยชน มีคนเป็นห่วง เพราะข้อกฎหมาย เราบอกไปว่าถ้าส่งเขาไปแล้วเขาจะทุกข์ทรมาน เราไม่สมควรส่ง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการหลายเรื่อง

การที่เราขอจีนออกจดหมายรับรองอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ท่านคงไม่ได้จบการต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศท่านไม่รู้หรอกว่า จดหมายรับรองอย่างเป็นทางการ คือจดหมายสำคัญ ซึ่งจีนที่เป็นส่วนหนึ่งในสหประชาชาติ เขายืนยันและส่งหลักฐานนี้มาให้

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ผู้นำระดับสูงของเขาหลายคนได้พูดกับนายกฯ ว่าเขาอยากแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และเขารับประกัน จะทำดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดภัยอันตราย ไม่จับเข้าคุก เข้าตาราง ท่านฟังอย่างนี้ ท่านคิดว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้วไปคุยกับผู้นำระดับสูงของประเทศที่เป็นมหาอำนาจหนึ่ง ยืนยันแบบนี้ ท่านจะเชื่อฟังได้หรือไม่

“แต่ผมเชื่อว่าท่านไม่รู้หรอก เพราะท่านไม่เคยเป็นรัฐบาล เคยเป็นแต่ฝ่ายค้าน แล้วก็พูดแต่เรื่องวิจารณ์ เอาจินตนาการมาด่าคนอื่น”

เราวางระบบกลไกไว้ 5 ประการ ประกอบด้วย

1. การตกลงของเราอยู่บนพื้นฐานของการมีอำนาจอธิปไตยของไทย

2. เป็นไปตามกรอบกฎหมายภายในประเทศ 3.คำนึงถึงผลประโยชน์ของไทยในกรอบของมิติความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ และความมั่นคงแห่งชาติ

4. เป็นไปตามหลักการหรือสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะหลักการที่จะไม่ส่งคนไปยังที่อันตราย รวมทั้งพันธะกรณีของไทยตามหลักการที่จะไม่สมควรไปเผชิญกับการทรมาน หรือการถูกทำให้สูญหาย

5. เป็นการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความรอบคอบ

“ท่านไม่เคยคิดจะเข้าใจสิ่งที่เป็นความตั้งใจของรัฐบาล ท่านไม่เคยคิดจะเข้าใจความคิดความต้องการของคนอื่นท่านคิดแต่ตัวเองหมกมุ่นอยู่กับตัวเองสนใจแต่เรื่องตัวเอง”

“…วันนี้เราอยู่ในเวทีรัฐสภา พี่น้องประชาชนดูอยู่ ตนกล้าพูดอย่างนี้เป็นความจริงทั้งหมด ตนเองไม่อยากให้ท่านเอาจินตนาการมาแทนความจริง และเที่ยวตีโพย โวยวาย มันไม่สง่างาม ท่านประกาศตัวเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่

ผมเห็นคนรุ่นใหม่ตนเองมานี่ผิดหวังจริง ๆ เคยเคารพพวกท่านในฐานะที่หวังดีกับประเทศชาติ แต่ตนเองเห็นอาการที่ท่านคิดแต่เรื่องเกมที่จะเอาชนะ ท่านไม่รับฟังเหตุผลของคนอื่น ท่านคิดว่าท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว”

“เรื่องอุยกูร์นี่ท่านพลาดครับ พลาดจริง ๆ เพราะท่านไม่ยอมรับความเป็นจริง พลาดเพราะท่านไม่ใฝ่หาความเป็นจริง พลาดเพราะท่านเอาแต่จินตนาการ ไปเที่ยวชี้นิ้วด่าคนอื่น ผมอยากให้ท่านเก็บเป็นบทเรียน เราไม่ว่ากัน ผิดพลาดไปแล้ว เก็บเป็นบทเรียนเถอะครับ แล้วก็มาทำการเมืองที่สร้างสรรค์อย่างที่ท่านพูดประชาสัมพันธ์ โฆษณา ให้ทุกคนรับรู้ ผมอยากเห็นอย่างนั้น” นายภูมิธรรมกล่าว

“ตนเองมาเป็นรัฐบาลพวกเรามาเป็นรัฐบาลของนายกฯ แพทองธาร เราไม่กลัวการตรวจสอบ ถ้ายืนอยู่บนความเป็นจริงแล้วพูดด้วยเหตุด้วยผล จะขอบคุณ ถือว่าพวกท่านมีวิจารณญาณ มีความเป็นเป็นผู้ใหญ่ มีสติที่จะเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ” นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้าย