
อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร ชินวัตร เมื่อ 24 มี.ค. เป็นวันแรก ในภาคเช้าฝ่ายค้านงัดเอาเรื่องการแสดงทรัพย์สินของนายกฯ ที่ระบุถึงการซื้อหุ้นจากพี่น้องและญาติ โดยจ่ายเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ Promissory Note มูลค่า 4,434 ล้านบาท ขึ้นมาอภิปราย
โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายเรื่องนี้ต่อจาก น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ
นายวิโรจน์ชี้ว่าเป็น “นิติกรรมอำพราง” เพื่อหลีกเลี่ยง “ภาษีการรับให้” คำนวณแล้วอาจเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเงิน 218.7 ล้านบาท
หลังจากนี้จะไปร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนกรณีนายกรัฐมนตรีฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พร้อมพิจารณาส่งสำนวนและความเห็นของ ป.ป.ช.ไปที่ศาลฎีกาตามลำดับ
บ่ายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสภาว่า ตอนเช้ามีสมาชิกที่เข้าใจว่าตนเองเป็นจอมยุทธ์ อภิปรายโดยสำคัญผิดในเรื่องของข้อเท็จจริง การใช้สำนวนโวหารต่าง ๆ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เอาเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวดกัน เอามาอธิบายให้คนเกิดความสับสน
ขอยืนยันทั้งการปฏิบัติและเจตนาที่ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกระบวนการกฎหมายทุกอย่าง
การกล่าวหาว่านายกฯ คนนี้หนีภาษีไม่ได้เป็นความจริงเลย จริง ๆ แล้วตรงกันข้าม ถึงแม้ตนจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่มั่นใจว่าตนเองเสียภาษีให้รัฐมากกว่าท่านแน่นอน
ส่วนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่า การแสดงบัญชีนับตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่ง ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่าง
ขณะนี้มีการยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง เรื่องทุกอย่างที่มีการฟ้องยังอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามขั้นตอน
นายกฯกล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งและเต็มใจแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ ป.ป.ช.ขอมา ให้ความร่วมมือทุกอย่างจนกว่าจะได้ข้อสรุปจาก ป.ป.ช.
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่ง ทรัพย์สินกิจการของครอบครัวและของตนเองถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เข้มข้นมาตลอด ไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น
ทุกบัญชีทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา เปิดเผยโปร่งใสมานานมากแล้ว
นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าที่โดนตรวจสอบทั้งหมด ทรัพย์สินทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดินทุกแปลงทุกตารางวาที่ตนและครอบครัวมี ออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด
ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด
นายกฯอิ๊งค์กล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี มีความตั้งใจปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท ด้วยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋วพีเอ็น อันเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกคนหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
หนังสือดังกล่าวติดอากรแสตมป์เรียบร้อย บางรายการยังไม่เสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังเสียภาษีไม่ได้
เป็นภาระหนี้สินระหว่างตนในฐานะผู้ซื้อ กับครอบครัวที่เป็นผู้ขาย ไม่ได้มีนิติกรรมอำพรางใด ๆ เพราะการซื้อขายต้องแสดงยอดหนี้ชัดเจนในบัญชี ได้ยื่น ป.ป.ช.แล้ว ตรวจสอบได้
ในเรื่องของพีเอ็น หรือปรับโครงสร้างไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำปกติอยู่แล้ว มีการได้ทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แบบนี้บ้างมั้ย ถือเป็นเรื่องปกติ
ที่อ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ขบวนการค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน เป็นเรื่องจินตนาการมากไป การออกตั๋วสัญญาใช้เงินทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย เปิดเผย ผู้ซื้อและผู้ขายรับภาระระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใด ๆ
เพราะการทำธุรกรรมที่ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นการทำอย่างเปิดเผย บรรลุนิติภาวะแล้ว
ในเรื่องของปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย ณ เวลานั้นไม่มีความพร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.แล้ว และได้พูดคุยในครอบครัวว่ามีแผนที่จะชำระ
รอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้า ซึ่งได้ตกลงกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น หลักฐานจะเกิดขึ้นในบัญชีทรัพย์สิน และ ป.ป.ช.ตรวจสอบได้ โปร่งใส เมื่อมีการซื้อขาย มีการจ่ายภาษี คงหลบการจ่ายภาษีไม่ได้เด็ดขาด
นายกฯอิ๊งค์ยังอธิบายถึงที่ดินอัลไพน์ซึ่งครอบครัวซื้อตอนที่ตนอายุ 11 ขวบ ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ส่วนเขากระโดง เป็นกรณีพิพาทระหว่างกรมที่ดิน การรถไฟฯ และประชาชน ตนในฐานะนายกฯ จะกำชับเรื่องนี้ ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน
ไม่อยากให้เรื่องเซนซิทีฟแบบนี้ พูดจาให้เกิดความสับสน หรือเกิดความแตกแยกในสังคม
“มั่นใจว่าทุกคนหวังดีต่อประเทศไทยเช่นกัน การพูดให้คนเกิดความเกลียดชัง เกิดความแตกแยก เราก็มีวุฒิภาวะ ไม่ควรทำ ขอบคุณค่ะ” นายกฯกล่าว
เรื่องนี้คงไม่จบแค่การถามตอบในสภา แต่คงมีภาคต่อไป ดังที่ฝ่ายค้านระบุ