รังสิมันต์ โรม-ทวี สอดส่อง อภิปรายไม่ไว้วางใจ ดีลปีศาจ ทักษิณ ชั้น 14

ทวี สอดส่อง - รังสิมันต์ โรม

รังสิมันต์ โรม เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แฉดีลปีศาจพาทักษิณกลับบ้าน นอนป่วยวิกฤต แต่นายกฯอิ๊งค์ไปเล่นสกี ขณะที่ ทวี รมว.ยุติธรรม โต้ เป็นแค่วาทกรรมในจินตนาการ

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายในหัวข้อชั้น 14 โดยใช้เวลา 100 นาที ผมมีพยานหลักฐานสำคัญที่สามารถยืนยันได้ว่ากรณีชั้น 14 ลวงโลกอย่างไร

พยานหลักฐานไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับนายใหญ่มากที่สุดกว่าใครในห้องประชุมนี้ นายกฯ คือประจักษ์พยานที่ยืนยันความจริงทั้งหมด ตอนแรกเป็นแค่ประจักษ์พยาน แต่ต่อมานายกฯ กลายเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ที่มีโทษฐานที่รุนแรง ท้ายที่สุดคือขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี

ขอย้อนกลับไปก่อนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 วันที่นายใหญ่กลับบ้าน นายกฯ สามารถชี้แจงได้หรือไม่ว่าสุขภาพของนายใหญ่เป็นอย่างไร เพราะเราเองก็ต้องไม่ลืมว่าผู้ให้กำเนิดนายกฯ เขาอายุ 74 ปีแล้ว มีโอกาสที่จะเจ็บป่วย ไม่สบายได้

พร้อมกับเปิดคลิปการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ที่ระบุว่า “คุณพ่อตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง” ก่อนกล่าวว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรีเป็นสิ่งยืนยันว่า ก่อนที่นายใหญ่จะกลับมา นายใหญ่คนนี้มีสุขภาพดีอย่างแน่นอน หากมีปัญหาสุขภาพ ตนมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคงจะใช้โอกาสนี้สื่อสารกับสังคม

“ผมขอตั้งคำถามว่าอะไรทำให้นายใหญ่ต้องไปขึ้นเขียงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถึง 180 วัน มันต้องมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่จู่ ๆ ทำให้คนสุขภาพดี ได้รับการดูแลรักษาที่ดูไบเป็นอย่างดี ราวกับสุลต่านถึงได้ล้มป่วยกะทันหันขนาดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาการป่วยคงจะอยู่ในช่วงเวลาที่นายใหญ่เดินทาง”

ADVERTISMENT

จุดเดียวที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเรือนจำ เรื่องนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ เราต้องไม่ลืมว่าวันนั้นที่นายใหญ่กลับสู่ประเทศไทย คนที่เป็นนายกฯ ในขณะนั้นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร และนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ยังไม่ได้เข้าทำหน้าที่

เพราะดีลลังกาวีหรือไม่ มีบิ๊กสีอะไรหรือไม่เป็นผู้เกี่ยวข้อง จึงทำให้นายใหญ่มั่นใจว่าครั้งนี้กลับมาประเทศไทยได้ นอกจากนี้ บทบาทของ น.ส.แพทองธาร แม้วันนั้นจะไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ก็เป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการหาเสียงให้กับพรรคตัวเอง

ADVERTISMENT

การที่ น.ส.แพทองธาร ออกมาขานรับสนับสนุนแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ในวันที่กลับมา นายใหญ่ยังมีคนไปรอต้อนรับราวกับว่านี่คือนายกฯที่เพิ่งทำภารกิจต่างประเทศเสร็จ กลับมาแล้วก็ไม่มีการควบคุมตัว มีตำรวจไปต้อนรับ ช่วยจัดระเบียบให้ทุกอย่างสมูทด้วยซ้ำไป

“ทุกอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนเป็นคำโกหก ไม่มีความหมายอีกแล้ว เพราะวันนี้พ่อได้กลับบ้านแล้ว นี่คือดีลแลกประเทศ ที่นายกฯ สมคบให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือพ่อตัวเองไม่ให้นอนคุกแม้แต่วันเดียว จุดเริ่มต้นของชั้น 14 มันจึงเป็น ‘ดีลปีศาจ’ เพื่อพาพ่อกลับบ้าน”

นายรังสิมันต์อภิปรายว่า แผนที่เตรียมไว้ คือแผนที่อดีตนายกฯ จะต้องไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ตนแอบไปทราบมาว่า น.ส.แพทองธาร รู้ว่านายใหญ่จะเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปี ในคืนหลังกลับถึงประเทศไทยแล้ว ถ้ารู้ล่วงหน้านานกว่านี้ การเตรียมการทั้งหลายมันจะดีกว่านี้ การเล่นละครถึงจะสมจริงกว่านี้ ไม่ต้องมาขายผ้าเอาหน้ารอดกันแบบนี้

และหลังจากนั้นกรมราชทัณฑ์ได้แถลงใหญ่โต ว่านายทักษิณตรวจพบ 4 โรค คือหัวใจขาดเลือด, ปอดผิดปกติ, ความดันสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง จากการแถลงตรงนี้ส่อพิรุธ เพราะจากที่ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ ทำไมถึงได้สวนทางกันขนาดนี้ ทั้งที่ห่างกันแค่เพียง 2 วัน

หมอดูไบหรือจะสู้โรงพยาบาลตำรวจไทย อาการของนายใหญ่ต้องป่วยหนักมากถึงขนาดที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มาตรวจเช็กอาการป่วยไม่ได้ ถึงไม่มีความพยายามพานายใหญ่ไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทั้ง ๆ ที่ระยะทางใกล้กว่ากันมาก

นอกจากนี้ นายใหญ่ยังได้รับสิทธิพิเศษได้รักษาตัวในหอผู้ป่วยระดับสูง และหลังจากที่ชั้น 14 ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ โรงพยาบาลตำรวจก็ออกมาแก้ปัญหา โดยการเปลี่ยนชื่อจากเดิมชื่อหอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง เปลี่ยนเป็นชื่อ หอผู้ป่วย

ซึ่งกรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับนักโทษแหกคุก และดีลนี้ยังรวมไปถึงการที่คณะรัฐประหาร และ น.ส.แพทองธาร ได้ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายคน ซึ่งตามระเบียบแล้วคนที่สามารถขออภัยโทษได้ คือตัวนักโทษเองและคนในครอบครัว แต่ น.ส.แพทองธารได้กระทำการอกตัญญู โดยการปล่อยให้บิดาของตัวเองช่วยเหลือตัวเองในการร้องขออภัยโทษ

ไปเล่นสกีทั้งที่พ่อป่วย

นายรังสิมันต์อภิปรายว่า ราชทัณฑ์เคยแถลงว่านายใหญ่อยู่ในสภาวะอันตรายแก่ชีวิต ในเมื่อราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่พ้นขีดอันตราย ตนก็อยากจะรู้ว่านายกฯ ในฐานะลูกกังวลหรือไม่ เครียดหรือไม่ จิตตกหรือไม่ ปรากฏว่าสิ่งที่พบเห็นในการติดตาม คือพบแต่ความสบายใจ ตนนึกว่านายกฯ จะสแตนด์บายรอดูใจ แต่กลับไปเที่ยวต่างประเทศ 2 ครั้ง

“ไหนพ่อกำลังจะม่องเท่ง ช่วงนั้นพ่อของท่านป่วยพะงาบ ๆ อยู่โรงพยาบาลตำรวจไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะไปเยี่ยมพ่อเลยหรือ นอกจากนี้ ยังพบว่าท่านนายกฯ ได้โพสต์ไอจี โดยระบุถึงการไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ราชทัณฑ์แถลงปาว ๆ ว่าพ่อของท่านอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมวางดอกไม้จันทน์ จริง ๆ ต้องมารอดูหน้าพ่อแล้วหรือไม่ เผลอ ๆ ต้องเตรียมจองวัดไว้ล่วงหน้าแล้ว”

ไม่มีดีลปีศาจ

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อภิปรายชี้แจงว่า ตนได้ถูกพาดพิงโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ได้ระบุว่า รมว.ยุติธรรมอยู่ในตำแหน่งอย่างเหนียวแน่น เนื่องจากเรื่องไม่โปร่งใสชั้น 14 ยืนยันว่าทางกระทรวงยุติธรรมต้องเชื่อมั่น เข้าถึง และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ซึ่งตนแอบหวังว่าท่านน่าจะเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของประเทศ

แต่สิ่งที่ท่านพูดมาตนก็เสียใจ เพราะท่านช่างตัดตอน จินตนาการ และใช้วาทะกรรม ในกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้เกี่ยวกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เลย เพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2567 ตอนนั้น น.ส.แพทองธารยังไม่ได้เป็นนายกฯ

การที่นายรังสิมันต์อ้างว่ามีดีลแลกประเทศ และขยายว่ามีดีลปีศาจ ตนไม่รู้ว่าก้นบึ้งของจิตใจท่าน ท่านจะหมายถึงอะไร ถ้านายรังสิมันต์ดูให้ดี เป็นวาทกรรม และเป็นเรื่องที่นายรังสิมันต์จินตนาการเอง ท่านต้องยอมรับว่าหลังจากการยุบสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดคือพรรคก้าวไกล ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชน

กรณีของนายทักษิณ ตอนที่ท่านเข้ามารัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล และตนก็ไม่รู้ว่าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นายทักษิณเข้ามาก็มีอาการที่เล่าว่าป่วย และส่งโรงพยาบาลตำรวจ แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือนายรังสิมันต์จบนิติศาสตร์ และทราบหรือไม่ว่าในกฎหมายราชทัณฑ์ คนที่เจ็บป่วยต้องไปส่งรักษาพยาบาล เขาให้ถือว่าสถานที่รักษาพยาบาลคือเรือนจำ ท่านไม่สะใจใช่หรือไม่ ต้องการให้ถูกทรมานหรืออย่างไร

เราถือว่าโรงพยาบาลที่ไปรักษาตอนนี้ปีหนึ่งมีผู้ต้องขังเกือบแสนคนที่ต้องไปพัก เราถือว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นที่ควบคุม กฎกระทรวงก็เขียนว่าเป็นที่ควบคุมพิเศษ ซึ่งเป็นสิทธิของโรงพยาบาลจะจัด และถ้าท่านเกิดหนีจากที่ควบคุมก็เหมือนหนีจากเรือนจำ

ให้ “ทักษิณ” อยู่ชั้น 14 ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

ที่บอกว่าไม่มีสักวันเดียวที่นายทักษิณติดคุก ต้องการวาทกรรมเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดใช่หรือไม่ การคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของคน ท่านบอกว่าเป็นอภิสิทธิ์ ท่านพูดไม่จบ เมื่อนายทักษิณเข้าไป ผมเข้ามาสัก 1 เดือน ผมก็มีความคิดว่าระหว่างนี้นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลตลอด สังคมจะมองว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่ ท่านทราบหรือไม่ว่าในรัฐธรรมนูญหมวดหน้าที่ของรัฐ บอกว่าประชาชนเจ็บป่ายก็ต้องไปรักษาพยาบาล นายทักษิณเป็นประชาชนก็ต้องได้รับการรักษา แต่ท่านถูกควบคุมอยู่ไปไหนไม่ได้

เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนให้รัฐต้องปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ผมคิดว่าจะเอาท่านกลับมาได้หรือไม่ กฎหมายไม่มีให้เลย ต้องทำตามความเห็นของแพทย์ เมื่อครบ 120 วันต้องมีเรื่องรายงานมาที่นายกฯ

พ.ต.อ.ทวีกล่าวอีกว่า ทราบหรือไม่ว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นมืออาชีพ ไม่รู้จักกับนายทักษิณ และเมื่อครบวันที่ 22 ก.พ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งคณะแพทย์ 5 คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ต้องไปดูว่ากลับมาเรือนจำได้หรือไม่ ปรากฏว่าคณะก็ให้ขึ้นกับดุลพินิจแพทย์ผู้รักษา

และอธิบดีกรมราชทัณฑ์มีหนังสือโต้ตอบไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ก็อนุมัติให้อยู่โรงพยาบาลต่อ เพราะหมอที่โรงพยาบาลเห็นว่าให้อยู่โรงพยาบาลต่อ ส่วนเรื่องเจ้าพนักงานกระทำชอบหรือไม่ชอบนั้น มอบให้อยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเรื่องของนายทักษิณ องค์กรอิสระเกือบทุกองค์กรเข้ามาตรวจสอบ

“ท่านต้องเข้าใจว่า การที่นายทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่กฎหมายได้เขียนว่าเป็นเรือนจำแล้วถูกควบคุม แต่ท่านบอกว่าไม่ถูกควบคุม ท่านทำตัวใหญ่กว่ากฎหมายใช่หรือไม่ และที่ผมไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ แพทยสภา ในเรื่องของหมอ ความเจ็บป่วยท่านกับผมก็ไม่มีใครรู้ดี และมีกฎหมายเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ เรื่องอยู่ที่แพทยสภา รับเรื่องไว้ปีกว่าแล้ว ยังต้องสอบสวน แต่ท่านรับเรื่องไปแป๊บเดียว ท่านวินิจฉัยหมดเลย ว่าดีลปีศาจ ท่านมีอะไรอยู่ในใจ ใครคือปีศาจของท่าน“ พ.ต.อ.ทวีกล่าว