เปิดไฮไลต์ศึกอภิปราย ยก 2 วันซักฟอก ‘พ่อนายกฯ’ ดีลแลกประเทศ ?

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลคือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่สอง ‘ฝ่ายค้าน’ ยังคงเน้นยุทธการเปิดใจกลางแผลรัฐบาล นั่นคือตัวนายกฯ พุ่งเป้าไปที่ประเด็น ทักษิณ ชินวัตร รุ่น 1 อดีตนายกฯตระกูลชินวัตร ผู้นําจิตวิญญาณพรรคแกนนำรัฐบาล

โดยผู้ทำหน้าที่ขุนหมู่ทะลวงฟันของทัพการเมืองสีส้ม ไม่ใช่ใครอื่น รองแม่ทัพพรรคประชาชน ‘รังสิมันต์ โรม’ ที่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในการอภิปรายประเด็นการพักรักษาตัวของ ทักษิณ บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยง นายกฯ ครม. รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ

รังสิมันต์ เปิดแผล นายกฯ ปมชั้น 14

รองหัวหน้าพรรคประชาชน เริ่มออกแขกก่อนทำการแสดงซักฟอกนายกฯ ยืนยันว่าหลักฐานและตัวการสำคัญกรณีชั้น 14 ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น แพทองธาร ชินวัตร เพราะเป็นผู้ใกล้ชิด อดีตนายกฯทักษิณ มากที่สุด

“นายกรัฐมนตรี คือประจักษ์พยานที่ยืนยันความจริงทั้งหมดของชั้น 14 ตอนแรก แพทองธาร อาจเป็นแค่ประจักษ์พยาน ต่อมานายกรัฐมนตรี กลายเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ที่มีโทษฐานรุนแรง ท้ายที่สุด แพทองธาร จะขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี”

ก่อนเริ่มขยายความข้อกล่าวหา ย้อนไปวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ก่อน อดีตนายกฯทักษิณ เดินทางกลับประเทศเพียง 2 วัน นายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า บิดาสุขภาพแข็งแรงดี แม้ต้องตรวจสุขภาพ 2 ครั้งต่อปี และเมื่อเหยียบไทยในรอบ 17 ปี ท่าทีดูสุขภาพแข็งแรง ทักทายคนไปรับรอที่สนามบินด้วยความชื่นมื่น

แต่พอถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ กลับพบอาการป่วยร้ายแรง อาทิ หัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติ ความดันสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม จัดเป็นผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง จนต้องถูกย้ายไปรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เกือบ 180 วัน

ADVERTISMENT

สำหรับไทม์ไลน์ ก่อนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2566 ตามข้อมูล ที่นายรังสิมันต์ อภิปราย ประกอบด้วย

20 สิงหาคม 2566 ก่อนกลับประเทศไทย 2 วัน น.ส.แพทองธาร กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “คุณพ่อตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง” และ “สุขภาพแข็งแรงดี”

ADVERTISMENT

22 สิหาคม 2566 นายทักษิณกลับประเทศไทย ด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จากสิงคโปร์-ดอนเมือง โดยลงจอดที่อาคารไพรเวท เจ็ท ( M-JET) “ทุกคนดูแฮปปี้กับวันสุขสันต์ครอบครัวที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่เห็นจะดูมีปัญหาสุขภาพตรงไหน”

22 สิงหาคม 2566 เวลา 11.30 น. ราชทัณฑ์รับตัวนายทักษิณเข้าเรือนจำ ก่อนที่ครึ่งชั่วโมงต่อมา จะแถลงผลการตรวจสุขภาพ พบว่า มีอาการป่วย 4 โรคร้ายแรง ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติ ความดันสูง กระดูกสันหลังเสื่อม

22 สิงหาคม 2566 เวลา 23.59 น. ราชทัณฑ์อ้างว่านายทักษิณมีอาการป่วยขั้นวิกฤต นางพยาบาลติดต่อขอคำปรึกษาจาก รพ.ราชทัณฑ์ ต้องส่งตัวไปยัง รพ.ตำรวจ เป็นการด่วน

23 สิงหาคม 2566 เวลา 00.03 น. นายทักษิณออกจากเรือนจำ
23 สิงหาคม 2566 เวลา 00.20 น. รพ.ตำรวจรับตัวนายทักษิณ เข้ารักษา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของนายรังสิมันต์พบว่า เส้นทางจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถึง รพ.ตำรวจ ใช้เวลาเดินทาง 17 นาที แสดงว่าแพทย์มีเวลาวินิจฉัยแค่ 4 นาที โดยนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงเจือสมไปว่ามีอาการป่วยรุนแรง

รังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า อย่าลืมคนที่ทำให้ ทักษิณ กลับประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งเป็นผู้เสนอถอดยศอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ จึงถือว่าการกลับมาครั้งนี้ของ อดีตนายกฯทักษิณ ง่ายดายแบบแปลกประหลาด จึงตั้งข้อสังเกตนี่เป็นดีลระหว่าง นายกฯแพทองธาร กับบิ๊กสีต่าง ๆ หรือไม่

และสิ่งที่ทำให้เห็นความผิดปกติมากยิ่งขึ้น หลังก้าวออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างรอการพักโทษ ทันทีที่อดีตนายกฯ กลับถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าในรอบ 17 ปี มีการถ่ายภาพซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างจากคนเคยเป็นผู้ป่วยวิกฤตรักษาตัว 180 วัน ยิ่งไปกว่านั้นเพียง 2 วัน ก็เปิดบ้านต้อนรับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่บินมาเยี่ยม และไม่ถึง 30 วัน ก็เริ่มเดินสายต่างจังหวัด โดยเริ่มจากเชียงใหม่บ้านเกิด ตั้งแต่นั้นก็แทบไม่ได้พัก จึงตั้งคำถามว่า นี่หรืออาการคนเคยรักษาตัวนาน

รองหัวหน้าพรรคประชาชน เชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ ทักษิณ นั้น นายกฯแพทองธาร ต้องรู้เห็นทุกอย่าง และเกิดขึ้นจาก ดีลแลกประเทศ เพื่อให้พ่อกลับบ้านโดยไม่ต้องเข้าคุก หรืออาจมีอะไรมากกว่านั้น

“กรณีชั้น 14 นายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อมโยงได้ โดยเฉพาะวันนี้ที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านต้องไม่ลืมว่า แม้บิดาออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ”

รังสิมันต์ มองว่า การดำเนินการเรื่องนี้ของนายกฯ ครบองค์ประกอบฐานอั้งยี่ ซ่องโจร จึงอยากเรียกร้องให้ประธานสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต (ป.ป.ช.) ที่มีอำนาจทำเรื่องนี้ให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะประชาชนบางกลุ่ม จนเป็นการเลือกปฏิบัติที่มีหลายมาตรฐาน

ทวี ย้ำ ทักษิณกลับประเทศไม่เกี่ยว แพทองธาร

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นชั้น 14 ในฐานะถูกพาดพิง ว่าประเด็นดังกล่าวตนและนายกรัฐมนตรี ไม่นิ่งเฉย จากการฟังอภิปรายของ รังสิมันต์ มองว่าสิ่งที่นำอภิปรายส่วนใหญ่เป็นจินตนาการและการใช้วาทะกรรม

ก่อนชี้แจง ว่ากรณีอดีตนายกฯทักษิณ ไม่เกี่ยวกับ นายกฯแพทอง เพราะอดีตนายกฯทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และขณะนั้น แพทองธาร ยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วนการที่อ้างว่ามี ดีลแลกประเทศ และขยายเป็นดีลปีศาจ ไม่ทราบว่าก้นบึ้งของจิตใจรังสิมันต์ หมายถึงอะไร หากดูให้ดีมันคือวาทะกรรม หรือเรื่องที่จินตนาการเอง เพราะหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกล ได้คะแนนมากที่สุด จึงขอถามว่าแบบนี้เป็นดีลหรือไม่

รวมถึงเมื่อมีการตั้งรัฐบาล ตนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยุคนายกฯเศรษฐา ทวีสิน จนมาถึงนายกฯแพทองธาร ก็เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจน้อยสุดในการออกนโยบาย และที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ทีมแพทย์ที่เป็นมืออาชีพ ชี้แจงเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ก็มีการมอบหมายให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้ว

พ.ต.อ.ทวี เชื่อว่า การที่ สส.รังสิมันต์ นำมาพูดเป็นการสมมุติเอาเอง เพราะวันนี้เรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช.แล้ว พร้อมยืนยันว่า อดีตนายกฯทักษิณ ได้รับการปฏิบัติเหมือนคนอื่น ๆ พร้อมย้ำว่าเรือนจำทั้ง 143 แห่ง ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมเช่นเดียวกันทั้งหมด

แพทองธาร Daddy’s girl

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงประเด็นดังกล่าว ในฐานะลูกสาวว่า ตอนที่พ่อรักษาอยู่ชั้น 14 ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนายกฯ เป็นแค่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และไม่มีอำนาจใด ๆ

พร้อมย้ำว่า ถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่ต้องรักษาระเบียบ ก็ต้องทำอย่างนั้น จึงมองว่าการที่อภิปรายแบบนี้ ต้องเห็นค่าของผู้รักษากฎหมายและข้าราชการด้วย

ส่วนกรณีที่มีกล่าวหานายทักษิณ กลับมาเพราะมีการดีลกับปีศาจ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยัน 100% ไม่ใช่ความจริง เพราะเป็นการตัดสินใจของอดีตนายกฯ อย่างเต็มรูปแบบที่จะกลับมาอยู่เมืองไทย เนื่องจากเป็นห่วงครอบครัวและประชาชน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ

และต่อให้วันนั้นพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย จับมือกันสำเร็จ ยังไงนายทักษิณ ก็กลับมาอยู่ดี เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะกลับมาให้ได้

สำหรับการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีทุกคน ถ้าจะพูดเรื่องป่วยจริงหรือป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อผลออกมาเช่นนี้ทุกคนจะยอมรับ พร้อมย้ำว่าตนไม่เคยแทรกแซงกระบวนการใด

ก่อนทิ้งท้ายชี้แจงประเด็นนี้ว่า “ตลอดการอภิปราย ท่านสมาชิกเรียกร้องให้ดิฉันลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งเป็นสิทธิของทุกท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือ ให้ดิฉันลาออกจากความเป็นลูกสาว หรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ดิฉันลาออกไม่ได้”