พิชัย โชว์แผนกู้เศรษฐกิจ ดันจีดีพี 3% แก้ไฟแพง-รถไฟความเร็วสูงลงระนอง

พิชัย ตอบฝ่ายค้าน โชว์แผนแก้เศรษฐกิจ ดันจีดีพีให้ได้ 3% ลดพื้นที่ปลูกข้าว เพราะส่งออกไม่ทำกำไร คู่ขนานกับการปรับอุตสาหกรรมดั้งเดิม คาด ปลั๊กอินไฮบริดจ์กำลังตีคู่กับอีวี ต้องตัดสินว่าจะไปทางไหน เร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน แย้ม รถไฟความเร็วสูงต่อจาก กทม.ไประนอง ต่อยอดแลนด์บริดจ์ ขณะที่การแก้ไฟฟ้าแพง ปรับการใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นพลังงานหมุนเวียน Data Center จะเป็นตัวหารค่าพร้อมจ่ายให้ไฟฟ้าถูกลง

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลวันที่สอง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงภายหลัง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ดูเหมือนทุกอย่างแย่ แต่ประชาชนต้องมีความหวัง ประเทศต้องมีความหวัง แม้จะยากลำบากแค่ไหน เห็นด้วยที่เศรฐกิจไม่ดี และไม่ดีจริงๆ ไม่ดีมาอย่างยาวนาน

เพราะจีดีพีในปีที่ผ่านมาเติบโตแค่ 1.9% ขยับขึ้นมาเป็น 2.5% เติบโตขึ้นมา 30% แม้จะไม่ได้เท่ากับประเทศอื่น แต่เราตั้งเป้าจีดีพีปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3% คือคาดหวัง  เพราะเราดูแล้วเศรษฐกิจค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ เป็นลำดับขั้น ถ้าเราแยกเป็นไตรมาส 2 ไตรมาสสุดท้าย หรือ 6 เดือนสุดท้ายที่ผ่านมา เราโต 3.1% โดยประมาณ แม้จะยาก แต่เราก็อาศัยโมเมนตัมตัวนี้ในการผลักดันทำให้ 2 ไตรมาสสุดท้ายอยู่ที่ 3%

แผนระยะยาวลดปลูกข้าว

เครื่องจักรอย่างการส่งออก ในสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ส่งออกเยอะ เราเคยส่งออกมากกว่าบริโภคในประเทศ และราคาที่เราส่งออกข้าวบางพันธุ์เสมอกับต้นทุน แปลว่าเราส่งออกแทบไม่มีกำไรเหลืออยู่เลย ดังนั้น เราจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากอดีตอย่างไร เพราะ 10 ปีที่แล้วเราผลิตข้าวสารได้ 21 ล้านตัน ส่งออก 12 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน ยิ่งส่งออกมากยิ่งแย่ ถ้าราคาที่ส่งออกสูงกว่าต้นทุนเล็กน้อยหรือเท่ากับต้นทุน ก็เท่ากับทำงานฟรี

แต่ขณะนี้การผลิตข้าว 17 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 11 ล้านตัน เหลือส่งออก 6 ล้านตัน แปลว่าเราผลิตของที่เยอะและส่งออก 6 ล้านตัน โดยที่เราผลิตของเยอะแต่ส่งออกโดยที่ไม่มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เราจะส่งออกข้าวที่มีต้นทุนราคาสูงทำไม

ดังนั้น  สิ่งที่ต้องทำคือ ลดการผลิตให้น้อยลง โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกทำอย่างอื่น เช่น 14 ล้านตัน เป็นโครงการระยะกลาง ระยะยาว เมื่อเราลดการผลิตไป 3 ล้านตัน ก็จะเหลือพื้นที่ปลูก อีก 12 ล้านไร่ วันนี้กำลังดูอยู่ว่าจะนำพื้นที่ที่เหลือมาจับคู่กับอะไร ดีที่สุดคือสิ่งที่นำเข้าต้องผลิตเอง โดยดูต้นทุนตัวนั้น เมื่อปลูกเองแล้วต้นทุนสู้กับการนำจากต่างประเทศได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ทำเช่น ข้าวโพด ราคา 8-8.50 บาท ต่อกิโลกรัม ถ้าทำให้ดี จะได้ 1,800 กิโลกรัม ดังนั้น ก็จะได้ไร่ละ 15,000-16,000 บาท

ADVERTISMENT

จะทำอย่างไรให้คนไม่ปลูกข้าว นำไปสู่การปลูกข้าวโพดแทน ซึ่งรัฐต้องดูแล อย่างน้อยโครงการ 3-5 ปีดูแลให้เขาหยุดปลูก อีกทั้ง เกษตรเป็นเรื่องเกี่ยวกับยุทธปัจจัย เป็นความมั่นคงของประเทศ ยังไงต้นทุนเท่าไหร่ก็ต้องปลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าว เราต้องมีการจัดระบบของราคา จัดระบบการปลูก อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก ต้นทุนไหนสู้ไม่ได้ต้องปรับปรุง ถ้าปรับปรุงแล้วยังไม่ได้ต้องลดไปปลูกอย่างอื่นแทน

ทางแพร่งอีวี – ไฮบริดจ์

นายพิชัย กล่าวว่า การลงทุนอุตสาหกรรม เราจะเปลี่ยนอุตสาหกรรมซึ่งเคยลงทุนนับ 10 ล้านล้านบาท ในบ้านเราทีเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าโครงสร้างเก่าใหญ่ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีนโยบายรักษาแพลตฟอร์มเดิมสันดาบ และปรับเป็นไฮบริดจ์ ซึ่งถ้าเราเป็นปลั๊กอินไฮบริดจ์มีการกำหนดมาตรฐานใช้ไฟฟ้าอย่างเดียว 80 กิโลเมตร แต่ถ้าวันหน้าทำได้ถึง 120 กิโลเมตร แล้วค่อยชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งเทคโนโลยีนี้กำลังวิ่งมาคู่กับรถยนต์อีวี ซึ่งจะต้องตัดสินกันอีกครั้งว่าจะไปทางไหน

ADVERTISMENT

ส่วนรถกะบะขนาดกลางที่เป็นระบบ ICE อยู่ จะต้องทำให้อยู่ได้ สำหรับของใหม่อย่าง Data Center ในแง่ของมันก็ไม่ได้สร้างมูลค่าในการก่อสร้าง จะมีประสิทธิภาพต่อเมื่อเราใช้ให้เป็นประโยชน์เรื่อง AI อย่างไรก็ตาม วันนี้มีอุตสาหกรรมบางชนิด ที่เป็นอุตสาหกรรมกรีนโดยเฉพาะ ถ้าได้อย่างนี้ก็มีการจ้างงานค่อนข้างดี แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ อีอีซีจะต้องเตรยมตัว

แจงแผนลดค่าไฟ

ขณะเดียวกัน เรื่องการแก้ปัญหาค่าไฟแพงทำให้เราแข่งขันไม่ค่อยได้ คนว่าแพงไป ดังนั้น สิ่งที่จะสำเร็จได้ 3.50 บาทต่อหน่วย ปัจจุบันเรามีไฟฟ้าเกิน 10,000 กว่าเมกกะวัตต์ เพื่อรองรับการใช้ไฟ แต่ถ้าการใช้ไฟมากขึ้น ขายได้มากขึ้น ตัวหารที่เก็บค่าพร้อมจ่ายก็จะลดลงมาโดยปริยาย วันนี้ Data Center หลายๆ แห่ง หรือ ไบโอพลาสติก เข้ามา ยอมใช้ไฟฟ้าเมืองไทย 5 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานสีเขียว แต่เมื่อราคาพลังงานลงถึงจุดหนึ่ง ก็ไม่ลงแล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนจากก๊าซธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีต้นทุนต่ำกว่าคือพลังงานหมุนเวียน และต้นทุนเหล่านี้ก็จะถูกลงไม่เกิน 2 บาท

ส่วนการกระตุ้นเศรฐกิจด้วยการท่องเที่ยวยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ต้องหาทางให้นักท่องเที่ยวอยู่ให้นานขึ้น ทั้งนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวใปนประเทศไทยอยู่ที่ 35.5 ล้านคน ซึ่งพบว่ามีจำนวน3 ล้านคนเข้ามาเพื่อสาธารณสุข

เล็งรถไฟความเร็วสูงลงระนอง

เรื่องการปรับโครงสร้างพื้นฐาน เราเพิ่มรถไฟรางคู่กว่า 1,000 กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูง จากประเทศที่ส่งออกเยอะที่สุดในโลก (จีน) ผ่านลาว เข้าหนองคาย สู่ กทม.และเล็งไว้แล้วที่ จ.ระนอง เป็นท่าเรือส่งออกที่จะส่งออกไปยังอันดามัน ส่วนตัวคิดว่าแลนด์บริดจ์อย่างเดียวไม่คุ้มทุน แต่ถ้ามีเส้นทางจากเหนือมาใต้ ก็จะเป็นเส้นทางส่งออกของสินค้าสำเร็จรูป และเป็นทางเข้าของวัตถุดิบ ข้ามมายัง จ.ชุมพร ส่งไปยังเวียดนาม อินโดนีเซีย เราจะเป็นเทรดดิ้ง

นายพิชัย กล่าวว่า เราจะไม่สามารถเป็น fin hub ได้ ถ้าไม่มีการแลกเปลี่ยน ตราบใดที่มีการแลกเปลี่ยนเราก็จะเป้น fin hub เช่นเดียวกับสิงคโปร์ และเราเป็นทางเลือกทางเดียวในยามที่เกิดกระทบกระทั่งระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ 2 แห่ง (สหรัฐฯ​-จีน)

ยันต้องมีเม็ดเงินในระบบ

การกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนไม่อยากเรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว การสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ระวัง ทั้งนี้ตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับ ธปท. ได้ แต่ที่ต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่อง และเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลออกพันธบัตร 1 แสนล้านบาท จะไปถึงคนที่มีเงินจองที 1-3ล้านบาท แต่ไม่ถึงคนที่มีเงิน 1-2 หมื่น

ถ้าจะซื้อผ่านตรงนี้ก็จะเป็นจีโทเคน ไม่ใช่เงินใหม่ ซึ่งใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ ทำให้แลกเปลี่ยนได้บนแพลตฟอร์ม หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้ ดีกว่าฝากธนาคารแล้วได้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ได้ดอกเบี้ยเท่ากับที่รัฐบาลให้

นายพิชัย ชี้แจงด้วยว่า สำหรับการแก้หนี้ ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ยาวขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้เป็นข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สำหรับหนี้ที่มี 13.6 ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบ เพราะไม่มีปัญญา ทั้งนี้ในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียปนอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสียแล้ว แต่จะไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่ มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เราจะเลือกลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากินและตามตัวไม่ได้

“หนี้ที่มีปัญหา คือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้นเอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือการให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อยพบว่า เปิดได้ 3 วัน มีเข้ามา 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้กำกับดีจะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้” นายพิชัย ชี้แจง