นายกฯยันไม่มี ‘ดีลปีศาจ’ พาพ่อกลับบ้าน ครอบครัวทำธุรกิจถูกกม. ลั่นเป็น Daddy’s girl 100%

นายกฯแจงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยันครอบครัวทำธุรกิจโรงแรมถูกต้องตามกฎหมาย รับดิจิทัลวอลเลตไม่ตรงปกแต่ตรงเป้า ปูทางสู่สังคมดิจิทัล เหน็บ “โรม” ซักฟอกชั้น 14 คงไม่ได้ใช้อารมณ์ตอนร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ลั่นดีลปีศาจให้ “ทักษิณ” กลับบ้าน ไม่จริง แม้ “ก้าวไกล” ได้เป็นแกนนำ พ่อก็ตั้งใจกลับไทย ซัดพูดเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อให้รอแพทย์สภาสรุปผลอาหารป่วย ลั่นเป็น Dad’s girl 100% 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงครั้งแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 2 ว่า ได้มีการผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว 1 วัน และสื่อมวลชนได้มีการถามตนเองเมื่อช่วงเช้า ว่าฝ่ายค้านต้องการให้ตนเองพูดยาวๆ ซึ่งตนเองก็อยากจะชี้แจง ในสาระที่สำคัญเพื่อใช้เวลาของสภาฯ ให้คุ้มค่าที่สุด และอีกหนึ่งเหตุผลในการอภิปรายเมื่อวาน (24 มี.ค.) บางคนอภิปรายเรื่องของคนอื่น หรืออภิปรายรัฐบาลอื่น ตนไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี

แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายที่ผ่านมาเรื่องที่ดินของโรงแรม เทมส์ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายวราวุธศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการชี้แจงไปแล้ว

รวมถึงกรมที่ดินที่ได้มีการชี้แจงถึงการออกโฉนดที่ดินดังกล่าว ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย และบริษัทของครอบครัวได้ทำถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง และการเข้าประกอบกิจการทุกอย่างก็ได้ทำอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบการที่อยู่บริเวณที่ดินดังกล่าว

ส่วนเรื่องคอลเซ็นเตอร์ต้องขอบคุณ นางสาวรัชนกศรี ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน เพราะคิดว่าจะอภิปรายเรื่องประกันสังคม การแก้ไขปัญหาแกงค์คอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลได้ดำเนินการไปไกลมาก ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการประสานงานกyบประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา และจีน ทั้งจับ ปราบ และตัดไฟฟ้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องการตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต งดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ได้รับคำชื่นชมจากสี จินผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน ว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด และรวดเร็ว ถือเป็นความน่าภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน

ADVERTISMENT

โดยจีนเป็นคนให้การสนับสนุนเรื่องข้อมูล และการข่าวต่าง ๆ ซึ่งปัญหาของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดจากความร่วมมือจากหลายประเทศ รวมไปถึงเรื่องซีลชายแดน ที่ต้องขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ก็หวังว่าฝ่ายค้านจะเข้าใจการทำงานแบบทีมเวิร์ค และให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยนายประเสริฐจันทรร ประเสริฐ จันทรวงทอง ได้จัดตั้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อรับแจ้งเหตุจากพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง โดยมี 100 คู่สาย สามารถระงับบัญชีม้าได้ 1.92 ล้านบัญชี ได้มีการเพิ่มมาตรการธนาคาร มีระบบติดตามบัญชี ธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติ ตรวจสอบการเปิดบัญชียกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ ให้มีการตรวจสอบประวัติมากขึ้น เพื่อให้การเปิดบัญชีม้าเป็นไปได้ยากมากขึ้น

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ยังมีการกวาดล้างซิมม้าไปแล้ว 2.4 ล้านหมายเลข และมีการระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ 2.8 ล้านหมายเลข และมีการตรวจสอบผู้ใช้โมบายแบงค์กิ้ง ที่ลงทะเบียนหลัง วันที่ 1 มกราคม 2568 จำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย

หากไม่ยืนยันตัวตนจะไม่สามารถใช้โมบายแบงค์กิ้งได้ และตั้งแต่มีการออกมาตรการที่จริงจังสถิติการแจ้งความการแจ้งความทางออนไลน์ทั้งหมดลดลง 20% โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียวลดลงไป 67% ความเสียหายที่เกี่ยวกับประชาชนลดลง 50% จากวันละ 100 ล้านบาท เหลือวันละ 50 ล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยรัฐบาลจะทำให้เข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้สิ่งที่เร่งรัดอยู่ เช่น ร่างพ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการกฤษฎีกา

นอกจากนี้ยังชี้แจงถึงโครงการดิจิทัลวอลเลท นโยบายเรือธงของรัฐบาล เรือธงลำนี้กำลังเผชิญมรสุม มีมีเสียงคัดค้านจากหลายองค์กร ซึ่งรัฐบาลก็รับฟังทุกความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่เป็นนโยบายใหม่เกิดขึ้นครั้งแรก เป็นที่คุ้นชินกันดีอยู่แล้วเพราะรัฐบาล ชอบริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ยาวนาน

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดี ๆ ในอดีตที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งไม่ใช่การรำลึกความหลัง เช่น นโยบาย ODOS 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา ถือเป็นสิ่งจำเป็นของประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะ มีการศึกษาที่ดี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในอนาคต

สำหรับการจ้างงานและอาชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากมีการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามายังประเทศไทย ซึ่งมีตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปี ต้องเตรียมประชาชนให้มีโอกาสมากยิ่งขึ้น และถึงแม้จะเป็นนโยบายที่เคยมีมาแล้ว แต่รัฐบาลต้องการเพิ่มมิติใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับคนกลุ่มใหม่ไม่ใช่คนกลุ่มเดิม

โครงการดิจิทัลวอลเลท รัฐบาลพยายามประคับประคองอย่างดี เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นหมายของเรา โดยใน 2 รอบแรกมีความจำเป็นต้องจ่ายเป็นเงินสด แม้ถูกมองไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน เพราะตามข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจว่าภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น

ส่วนรอบ 3 ที่ใกล้จะมาถึงแล้วถือเป็นดิจิทัลวอลเลทแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีการพัฒนาระบบ และจะมีการทดลองใช้อย่างถูกต้อง โดยใช้การเริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16-20 ปี ถือว่ามีพลังในการบริโภคและตื่นตัวทางเทคโนโลยี และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว เพื่อให้พ่อแม่ได้เรียนรู้

ซึ่งเป้าหมายระยะยาวของโครงการนี้จึงต้องการยกระดับสังคมไทยให้เป็นสังคมดิจิทัล โดยเชื่อว่าภายใน 1 วาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ‘ปกก็ตรงเป้าก็โดน’ และเศรษฐกิจที่เกิดวิกฤตยาวนานต่อเนื่อง 10 ปี หากทำแบบเดิมไม่มีวิธีการใหม่ก็จะเกิดโอกาสพัฒนาได้ยาก ฉะนั้นจะต้องมีการอัพเดทวิธีใหม่ๆ

นายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงกรณีชั้น 14 ว่า ทราบว่าสมาชิกฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้ กับตนเองก็มีความคิดเห็นที่ต่างกันเพราะท่านก็เคยไปมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรที่ภูเก็ต แต่ตนก็เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้ความอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาอภิปรายตนในวันนี้

เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องรัฐมนตรียุติธรรมได้พูดในรายละเอียดไปหมดแล้วแต่ตนอยากจะชี้แจงรายละเอียดในฐานะลูกสาวคนนึงเพราะตั้งแต่คุณพ่อกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

และมีอำนาจในการสั่งการข้าราชการหรือสั่งใครใดใดตนเป็นเพียงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตอนนั้นก็ไม่มีอำนาจใดใดเลย ซึ่งจริงืๆ แล้วในเรื่องของความถูกต้องและกฎระเบียบถึงจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตามทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบก็ต้องทำแบบนั้น และอย่างที่บอกว่าการจะอภิปรายแบบนี้ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่าไปด้วยในตัว

“ดิฉันเชื่อว่า ลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อซึ่งผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาของประเทศเราทุกคนทราบดีถึงความยากลำบาก ซึ่งพี่น้องประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความยุติธรรมถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่อง

เรื่องของความอยุติธรรม นายทักษิณคือหนึ่งในคนท็อป ๆ เลยที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกยึดอำนาจทางการเมืองและนอกจากถูกยึดอำนาจทางการเมืองแล้วยังถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ

ตอนนั้นตนอยู่มหาวิทยาลัยก็ทราบว่า คุณพ่อถูกลอบสังหารแต่สมัยนั้นเครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ เด็ดอายุ 18 -19 คนหนึ่งที่ทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหาร ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีแต่ว่าในวันนั้นก็ไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นได้ยินแค่ข่าวก็ต้องรออีกสักพักถึงจะทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เป็นสิ่งที่เกิดความเจ็บปวดในครอบครัว

นอกจากนี้ก็ยังถูกพัดพลาดไปไกลกันอยู่คนละประเทศ เวลาผ่านมาสักพักตนก็พยายามมที่จะเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อย ๆ เพื่อไม่ต้องคิดถึงกันมากเกินไป

จนกระทั่งโควิดตนตั้งครรภ์ลูกคนแรกก็ยังเดินทางไปแม้จะเดินทางยากนิดหนึ่งมีการกักตัวทำให้การเดินทางยากลำบาก พอนั่งเครื่องบินกลับมาก็เสียน้ำตากันนิดนึงเพราะไม่ทราบว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนคนที่บ้านก็เป็นห่วงว่าเราเดินทางท้องโตเราจะติดโควิดหรือไม่ และไม่ทราบว่าโควิดแรงหรือเปล่า วัคซีนจะได้ไหม โรงพยาบาลไหนจะรักษา เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ตนผ่านมากับครอบครัว

แน่นอนว่าความไม่ยุติธรรมเหล่านี้ ทำให้ครอบครัวเราที่สนิทกันอยู่แล้วก็รักกันมากยิ่งขึ้น เพราะผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกันและเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตนเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติและทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควร-ไม่ควรและต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตนเองมาในเรื่องที่มีความลำบากก็มีสิ่งที่ที่ดีซ่อนอยู่ในนั้นเสมอซึ่งตนเชื่อแบบนั้นเสมอ”

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีสมาชิกกล่าวหาว่าคุณพ่อได้กลับมา เพราะ มีการดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่ความจริงเลย 100% เพราะนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบ

ตนที่รู้จักคุณพ่อดีก็ไม่อยากให้กลับมาแล้วติดคุกหรือจำกัดที่ทาง ดิฉันก็บอกว่าไม่เป็นไรมาอยู่เมืองนอกก็ได้เดี๋ยวเราก็เจอกันได้ แต่ท่านก็บอกว่าท่านอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย ท่านมีความรักและห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมาก คิดอะไรก็จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ คิดให้พี่น้องประชาชนรวย

ตนก็ฟังท่านแล้วก็แพทชั่นมีแรงบันดาลใจในการทำงาน เพราะจริง ๆ คนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ แต่ก็ยังคิดเรื่องนี้ดี ๆ กับคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะในใจตนก็คิดว่าตนให้อะไรมาเยอะจากตรงนี้เช่นกัน

และแน่นอนว่าถ้าวันนั้นเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันสำเร็จตั้งรัฐบาลได้ ท่านเป็นผู้นำรัฐบาลส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไงนายทักษิณก็กลับมาอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร นี่คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนเรื่องของกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความซึ่งมีขั้นตอนมีกระบวนการต่างๆ ที่ไม่ขอก้าวล่วง และถือว่าเป็นสิทธิของผู้มีความทุกคน

ถ้าจะพูดเรื่องท่านป่วยจริงหรือไม่ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่า คุณพ่อป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ถ้าจะบอกท่านว่าคุณพ่อผู้อายุ 70 กว่าป่วย ท่านจะเชื่อหรอคะ ก็คงไม่เชื่อ อายุ 70 กว่าต้องได้รับการผ่าตัด ประกอบกับการเป็นโควืด ป่วยหนักมากน้ำหนักลด 10 กิโลกรัม ทำให้เกิดอาการผมร่วง เป็นฝ้าที่ปอด ท่านเชื่อไหมคะก็ไม่เชื่อถูกไหมคะ

และถ้าจะบอกว่าอายุ 70 ต้องผ่าตัด ไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20, 30 หรือ 40 กว่า ท่านเชื่อหรือไม่ เพราะฉะนั้นตนก็ไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน แต่ตอนนี้เราได้ยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทย์สภา เชื่อว่าไม่นานก็มีผลสรุปออกมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะยอมรับ เมื่อท่านอภิปรายถามตนตอบท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี จึงไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร

เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบนายทักษิณในกรณีต่า งๆ ในฐานะลูกเองตนห่วงใย และเป็นลูกสาวที่รักคุณพ่อ ถ้าต่างประเทศอาจจะเรียกว่า Dad’s girl ตนเป็นแบบนั้นแน่นอน และในฐานะนายกรัฐมนตรีตนไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงหน่วยงานอื่นใดเลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกกระบวนการข้าราชการไทย ในยุคสมัยนี้ทุกอย่างตรวจสอบได้

ตลอดการอภิปรายท่านสมาชิกมีการเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกท่านในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำได้คือการขอให้ตนลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ตนลาออกไม่ได้

ตนพร้อมที่จะทำงานให้กับทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะตนสวมหมวกของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ตนทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถแน่นอน ในขณะเดียวกันในฐานะของลูกสาวตนก็คือลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ตนพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่ตนสามารถพูดได้ จึงขอให้ทุกคนดู พิสูจน์ที่ความสามารถของตนและความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี

หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายใดๆก็ขอให้วิจารณ์ในเรื่องของการทำงานก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาแห่งนี้ และต่อประเทศของเราด้วย

ภายหลังนายกรัฐมนตรีชี้แจงจบนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้ใช้สิทธิถูกพาดพิงในประเด็นที่ถูกว่าเป็นพันธมิตรจังหวัดภูเก็ต ว่า ผมเข้าใจนายกรัฐมนตรีว่าก็คงมีประสบการณ์ชีวิตหลายอย่างที่เจ็บปวด ตนให้กำลังใจท่านในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์วันนี้เรารับไม่ได้กับสิ่งเกิดขึ้น ในส่วนประเด็นเรื่องพันธมิตรตนในช่วงชีวิตไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทั้งที่กรุงเทพฯและที่ภูเก็ต

ผมอายุ 14 ปีตอนที่พ่อของท่านถูกรัฐประหาร จากนั้นได้มีโอกาสมาเรียนต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก กรุงเทพฯ ตนไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรและไม่มีความเห็นด้วยกับอุดมการณ์ความคิดของกลุ่มพันธมิตร หากมีความคิดใกล้เคียงที่สุดคือการที่เขาไปเรียกร้องประชาธิปไตยที่คนจำนวนมากนิยามตัวเองว่าคนเสื้อแดง แต่ตนก็ไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง เพราะตนเองมีความตะขิดตะขวง ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อของท่านทำหลายเรื่อง

และจากนั้นก็มีการรัฐประหารเกิดขึ้นที่ยึดอำนาจไปจากอาของท่านตัวผมคือคนแรกที่ออกมาต่อต้าน ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยดังนั้นการกล่าวหาว่าตนเคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรตนยืนยันผ่านประธานไปถึงนายกรัฐมนตรีตนไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรไม่เคยไม่ยึดสนามบินอะไรทั้งสิ้น

เข้าใจว่ามีคนจำนวนมากพยายามใส่ความตนแบบนี้ และอีกประเด็นในเรื่องพรรคก้าวไกลหากเป็นรัฐบาลท่านอดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ อย่างแน่นอน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงนายรังสิมันต์ อีกครั้งว่า “ก็ขอบคุณในการชี้แจง ตนพร้อมรับข้อมูลใหม่ๆเสมอ แล้วก็ไม่เป็นไร ท่านจะได้เข้าใจว่าการถูกเข้าใจผิดเป็นอย่างไร”