
จุลพันธ์ ยืนยัน ‘ดิจิทัลวอลเลต’ เฟส 3 จ่ายไตรมาส 2 เตรียมเสนอรายละเอียด ครม. ชี้ที่เหลือรอต่อไปไตรมาส 2 เผยเงินเหลือ 1.4 แสนล้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต สำหรับประชาชนอายุ 16-20 ปี (ดิจิทัลวอลเลต เฟส 3) นั้น
ส่วนแรกเม็ดเงินและข้อมูลของผู้ที่ได้รับสิทธิพร้อมแล้ว ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้กับประชาชนได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568
นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับระบบดิจิทัลวอลเลต ก็เสร็จแล้วเช่นกัน เป็นการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ทั้งในส่วนผู้รับสิทธิและร้านค้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบระบบ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ เหลือส่วนที่เป็นการเชื่อมระบบดิจิทัลวอลเลตกับธนาคาร น็อนแบงก์ รวมถึงผู้ให้บริการวอลเลต
ซึ่งทางฝั่งแบงก์และน็อนแบงก์ หลายแห่งก็แสดงความประสงค์ที่จะเชื่อมระบบเช่นกัน ฉะนั้นในเรื่องของระบบก็รอให้การเชื่อมต่อเหล่านี้แล้วเสร็จ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อการเชื่อมโยงในระบบเศรษฐกิจที่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย มีทางเลือกในการใช้จ่าย ทั้งการทำผ่านแอปทางรัฐ หรือแอปของธนาคาร หรือวอลเลตที่ใช้ประจำอยู่แล้วก็ได้
“ส่วนตัวผมหนึ่งในฐานะผู้กำกับดูแลโครงการ ก็ได้เห็นตัวระบบแล้ว รู้สึกว่าใช้ได้ มีฟังก์ชั่นและกลไกครบถ้วน ถือว่าดูดี เชื่อว่าภายในไตรมาสที่สองนี้ ก็คงจะได้เติมเงินเข้าไปในระบบ ให้กับประชาชนกลุ่มแรกที่ดีรับเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตได้ใช้กัน” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ขณะที่ประชาชนกลุ่มถัดไป คือกลุ่มอายุ 21-59 ปีนั้น เชื่อว่าอีกไม่นานก็น่าจะมีความชัดเจน คาดว่าไม่เกินไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เนื่องจากว่ารัฐบาลมีเม็ดเงินสำหรับโครงการที่เหลืออยู่ราว 1.3-1.4 แสนล้านบาท ที่ทำการผูกพันงบประมาณไว้ ว่าจะต้องใช้ภายในปีงบประมาณ 2568 หรือภายในสิ้นเดือนกันยายน 2568
ทั้งนี้ จะเป็นช่วงเวลาไหนในไตรมาสที่สาม ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้มีการเติบโตความต่อเนื่อง
สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่ดังกล่าวนั้น เป็นกรอบวงเงินที่รวมอยู่ในโครงการเฟส 3 และเฟส 4 หากรวมทั้งสิ้นมีประชาชนผ่านเงื่อนไขเกินวงเงินงบประมาณที่มีอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลมีวิธีการที่จะดูแล
“สิ่งที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ คือ เม็ดเงินของโครงกรที่จะใส่ลงไปต้องหมุนในจังหวะที่มีความเหมาะสม และส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่อ ซึ่งในปีนี้ กระทรวงการคลังก็ตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ไว้ที่ 3% ต่อปี เราเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้า” นายจุลพันธ์กล่าว