อนุทิน ตั้งคณะกรรมการสอบตึก สตง.ถล่ม-ทูตจีน พร้อมร่วมมือสืบหาสาเหตุ

อนุทิน เซ็นตั้งคณะกรรมการสอบตึกสตง. ถล่มหลังแผ่นดินไหวเพียงแห่งเดียว เผยทูตจีน พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเข้าพบเพื่อช่วยเหลือ ยินดี ให้ความร่วมมือ สั่งบริษัทก่อสร้างร่วมมือรัฐบาลไทย

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยอุโมงค์ถล่มและแผ่นดินไหวของกระทรวงการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินประเทศจีน เข้าพบปะหารือ

ภายหลังไทยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งมีจุดศูนย์กลางที่มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา โดยทางการจีนได้ แสดงความเสียใจ และแสดงความไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ โดยการเข้าพบครั้งนี้ทางการจีนประสานขอเข้าพบเอง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง

สำหรับทางการจีนที่เข้าพบในวันนี้ประกอบไปด้วย H.E Han Zhiqiang เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ,Mr.Jiang Wei ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและพาณิชย์ ,Mr.Zhao Xiaoxiao ที่ปรึกษา, Ms.Zhang Ying ผู้แปลภาษา (ล่าม) และ Mr.Li Yingping ตัวแทนบริษัทเอกชนจีน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว

ทั้งนี้นายอนุทิน กล่าวขอขอบคุณนายหาน จื้อเฉียง และทางการจีน ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเมื่อยามประเทศไทยเกิดเหตุสาธารณภัยมาโดยตลอด ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ จุดที่สร้างความเสียหายและสร้างความวิตกที่สุด คือ อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่พังถล่ม ในส่วนอาคารอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ โครงสร้างต่าง ๆ ระบบต่าง ๆ ได้รับความเสียหายไม่มากนัก และอยู่ในสถานะที่ควบคุมได้

โดยกรณีนี้ทางการไทยจะเร่งพิสูจน์ให้ได้ว่า เหตุใดจึงถล่ม เพราะอาคารนี้เพิ่งก่อสร้างและได้รับการออกแบบที่ต้องรองรับและทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวแล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาทำหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงและรายงานมายัง รมว.มหาดไทยภายใน 7 วัน เพื่อตอบข้อสงสัยของประชาชนและสังคมให้กระจ่าง

ADVERTISMENT

“เนื่องจากอาคาร สตง.หลังใหม่ที่พังถล่มนี้เป็นอาคารของทางราชการ จึงไม่ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่น คือ กรุงเทพมหานครในการก่อสร้าง ดังนั้น การสอบสวนจึงจะดำเนินการใน 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ออกแบบ 2. ผู้ควบคุมงาน และ 3. ผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยหากผลการสอบสวนออกมาว่า ผู้ก่อสร้างได้ทำตามแบบและขั้นตอนทุกอย่าง ความผิดของผู้รับเหมาก็จะลดน้อยลงไป แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า มีการทำที่นอกเหนือจากแบบ และมีการใช้วัสดุที่ไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ ก็จะต้องได้รับผลตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกระทรวงมหาดไทย และทางการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่กังวลในขณะนี้ คือ เวลาผ่านไปจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เราต้องการจะช่วยชีวิตคน ใช้ทุกวิถีทางหาผู้รอดชีวิตให้มากที่สุด เพราะตามทฤษฎี เราเชื่อว่า ถ้าสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ใน 72 ชั่วโมง เรายังมีความหวังจะช่วยผู้รอดชีวิตมากขึ้น ตอนนี้เหลือ 26 ชั่วโมง โดยการกู้ภัยเราหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องจักรหนักไปทุบ ไปเคลื่อนย้ายโครงสร้าง เพราะอาจจะไปส่งผลต่อชีวิตผู้ประสบภัยและทีมที่กำลังช่วยเหลือ ตอนนี้จึงใช้วิธีทำโครงสร้างค้ำยันและค่อย ๆ ค้นหาและนำผู้ประสบภัยออกมา ส่วนผู้ที่เสียชีวิตเราก็ต้องเร่งลำเลียงร่างออกมา

ADVERTISMENT

ด้านนายหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า ในนามรัฐบาลจีนขอแสดงความเสียใจและแสดงความไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิต โดยสาเหตุอาคารถล่ม ทางการจีนจะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสืบสวนหาสาเหตุอย่างเต็มที่ เพราะมีบริษัทของจีนร่วมในการก่อสร้างด้วย และขณะนี้ ทางการจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ก่อสร้างให้ความร่วมมือกับประเทศไทยอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งให้ความเชื่อมั่นว่าการสอบสวนของทางการไทยเป็นไปอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว

จากนั้นเวลา 11.00 น.นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบครั้งนี้ว่า เอกอัครราชทูตจีนได้ประสานให้ทางการจีนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเข้ามา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญรายนี้ได้เข้าไปดูหน้างานแล้ว และบอกว่าสิ่งที่ประเทศไทยทำอยู่ในขณะนี้ในเรื่องของการกู้ภัยได้มาตรฐาน และมีความเชี่ยวชาญ ไม่ต้องให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติม เพราะขณะนี้ 48 ชั่วโมงแล้ว หากจะเปลี่ยนวิธีการไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไร ซึ่งหลังจากนี้ในช่วง 72 ชั่วโมงจากนี้ไปก็จะเร่งหาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ติดอยู่ในตึกให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนเรื่องของผู้รับเหมา ไทยชี้แจงว่าไม่สามารถให้เข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ได้แจ้งว่าเป็นผู้รับเหมาที่มาจากประเทศจีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่มา คือเข้ามาช่วยประเมินสถานการณ์ ไม่ได้เกี่ยวกับการหาข้อเท็จจริงอะไรอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่ให้เร็วที่สุด เพราะยังหวังว่าจะยังมีผู้มีชีวิต หลังจากนี้ก็จะเร่งเคลียร์ไซด์งานให้เร็วที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่กระแสว่า พบชายชุดดำหอบแฟ้มเอกสารออกจากพื้นที่เกิดเหตุ นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ได้เซ็นตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องของการก่อสร้างอาคาร สตง.ที่ถล่ม โดยมีวิศวกรใหญ่ จากกรมโยธาธิการและผู้เชี่ยวชาญ ที่เชื่อถือได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ว่าจะหอบแฟ้มอะไรไปก็แล้วแต่ แต่แบบก่อสร้าง เอกสาร และสัญญาก็ยังคงมีอยู่ที่ สตง.ไม่สามารถเอาหลักฐานอะไรออกไปพ้น

ส่วนที่เกิดคำถามว่า กทม. อนุมัติไปได้อย่างไรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า กทม.เป็นผู้อนุมัติก็จริง แต่อาคารที่เป็นของราชการแค่แจ้งกทม. ให้รับทราบ หน่วยงานเจ้าของโครงการก็ไปจัดการประมูลและผู้ออกแบบก็ต้องเซ็นรับรองอยู่แล้ว ดังนั้นการสอบขณะนี้ จึงเน้นไปที่ผู้ออกแบบและผู้คุมงานและผู้ก่อสร้าง ซึ่งผู้ก่อสร้างจะเป็นบริษัท ต้องไปดูว่าสัดส่วนเท่าไหร่ เพราะในสัญญาระบุว่าเป็นบริษัทร่วมค้า ระหว่างไทยกับจีน จึงต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ยืนยันว่า ต้องไปไล่บี้ให้ได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กระทำผิดก็ต้องรับผิดชอบทั้งคู่

“ทำไมตึกนี้ถึงถล่ม เพราะเป็นตึกที่สร้างใหม่ จึงต้องมีการก่อสร้างที่รองรับแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ตามกฎหมายควบคุมการออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2540 จะมาบอกว่าโครงสร้างยังไม่เสร็จไม่น่าจะใช่ ดังนั้นจึงต้องมุ่งไปที่แบบของอาคารก่อนอันดับแรก ถ้าหากแบบถูกต้อง ก็ต้องมาตรวจสอบในขั้นตอนการก่อสร้าง

ยืนยันว่า ทั้งบริษัทไทยและบริษัทจีนที่เป็นคู่สัญญาจะต้องรับผิดชอบเต็ม 100 ทั้งหมด และแผ่นดินไหวครั้งนี้แรงสั่นสะเทือนถึง 7.8 ริกเตอร์ แต่พบว่า มีอาคารมากกว่า 95% ยังคงยืนอยู่ได้ แต่ส่วนที่มีความเสียหายถึงขั้นถล่มก็มีเพียงอาคาร สตง. ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถหาข้อบกพร่องได้อย่างแน่นอน ”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบอาคารพื้นที่ต่างจังหวัด ว่า ในแต่ละจังหวัดมีโยธาธิการจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งจะเข้าไปตรวจอาคารสาธารณะต่าง ๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารที่ทำการที่ให้บริการพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องการตรวจสอบอาคารอย่างเช่นในพื้นที่กรุงเทพฯ โรงแรม คอนโด ต่าง ๆ ก็จะมีรอบการตรวจทุกปีอยู่แล้ว โดยเจ้าของอาคาร ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยก็จะมีการขอความร่วมมือให้มีการตรวจประจำปีทันที เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวก็ไม่ต้องรอให้ถึงรอบ และเชื่อว่าเจ้าของอาคาร หรือคอนโดต่าง ๆ จะให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อยู่อาศัย