ภูมิธรรม ขอใช้สภาหาฉันทามติ ‘เอ็นฯคอมเพล็กซ์’ มองสร้างเงิน รับมือภาษีสหรัฐฯ

ภูมิธรรม ขอใช้สภาหาฉันทามติ 'เอ็นฯคอมเพล็กซ์' มองสร้างเงิน รับมือภาษีสหรัฐฯ

ภูมิธรรม ขอใช้กระบวนการรัฐสภาถกร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้ยืนประท้วงหน้าสภาฯ อ้างเป็นเสียง ปชช.ทั้งหมดไม่ได้ มองสร้างรายได้-เม็ดเงินเข้าระบบ เพื่อรับมือหลังสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีไทยสูงลิ่ว 36% 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วันที่ 9 เมษายนนี้ โดยประเด็นนี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา จะทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวพับลงไปหรือไม่ ว่ารัฐบาลทำหน้าที่ ก็พยายามดูเงื่อนไขต่างๆ หากพรรคฝ่ายค้าน มีความเห็นก็ควรจะสู้กันในสภา ในการเสนอความเห็นที่แตกต่างกันเพื่อให้สภาพิจารณา

เพราะเมื่อเรายอมรับในระบอบประชาธิปไตย และยอมรับว่ากระบวนการรัฐสภา คือจุดสำคัญในการแก้ไขปัญหา ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ไม่ใช่ว่าความเห็นในสภา “ไม่ตรงกับฉัน ฉันไม่เอา ฉันก็ไปเดินนอกสภาอย่างเดียว”

แต่กระบวนการที่มาจากนอกสภา ตนเองไม่ว่าและไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งถือเป็นสิทธิของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่อย่ามองแค่ว่าการมายืนอยู่หน้าสภาแล้วเหมารวมว่านี่คือเสียงของประชาชน เพราะเสียงของประชาชนที่แท้จริงคือทั่วประเทศ ฉะนั้นอยากให้มีกระบวนการที่ชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นอย่างไร เพราะเท่าที่ไปดูประชาชนในต่างจังหวัด ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดอย่างที่ฝ่ายค้านคิด ดังนั้น เสียงของประชาชนดีที่สุด

ส่วนกระบวนการในรัฐสภา ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลก็ดำเนินการกันไป เรื่องนี้เปิดกว้างอยู่แล้ว ซึ่งให้ใช้กระบวนการของรัฐสภาในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ก็ยึดตรงนั้นเป็นหลัก และอะไรที่จะทำให้รัดกุมขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเดินหน้าร่างกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการหามาตรการปกป้องให้ดี ไม่ใช่มาคัดค้านหัวชนฝา เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่การยุยงให้คนเข้ามาใช้ หรือติดการพนัน เพราะไม่ใช่ใครก็เข้ากาสิโนได้ เด็กที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ก็ไม่สามารถเข้าได้ หรือรายได้น้อยกว่าเกณฑ์ก็เข้าไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างไม่ได้มีขาวไม่ได้มีดำเพียงอย่างเดียว ต้องใช้มาตรการแก้ไขปัญหาดีกว่า มาคัดค้านโดยที่ไม่รู้อะไร

ADVERTISMENT

และโลกวันนี้สิ่งสำคัญ สหรัฐอเมริกามีมาตรการด้านภาษี ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะจะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก อย่างประเทศสิงคโปร์ ที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชนเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบ ซึ่งขนาดสิงคโปร์โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพียง 10% แต่ประเทศไทยโดนถึง 36% ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เพิ่มรายได้ สร้างเม็ดเงินให้มากขึ้นในระบบ