รัฐบาลถอย กฎหมายคอมเพล็กซ์ เลื่อนพิจารณาในสมัยประชุมหน้า

นายกรัฐมนตรีพร้อมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมแถลงเลื่อนกฎหมายเอ็นเตอร์เมนเมนต์คอมเพล็กซ์ไปสมัยประชุมหน้า ชี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า หลังการประชุม ครม.ได้หารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ได้เล็งเห็นปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ที่ประสบอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเยียวยากรณีแผ่นดินไหว รัฐบาลจะดูเรื่องยกเว้นกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยพี่น้องผู้ประสบภัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณา นอกจากนี้ ยังมีเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น เรื่องอื่น ๆ คงจะรอได้ และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและต้องรีบแก้ปัญหาก่อน ซึ่งได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดแล้ว และเห็นตรงกัน ไม่มีเรื่องที่ไม่เห็นตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่ากฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรจะเลื่อนการพิจารณาออกไป น.ส.แพทองธารตอบว่า “ค่ะ..เดี๋ยวดูว่าในสภาจะอย่างไรต่อ แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลที่คุยกันก็คิดว่าต้องเอาเรื่องที่เร่งด่วนก่อน”
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะดึงกฎหมายกลับมาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราไม่ได้ถอนหรือดึงร่างกลับมา ระหว่างนี้ก็รับฟังความคิดเห็นได้เรื่อย ๆ รัฐบาลเล็งเห็นว่าเราควรจะเรียงเรื่องลำดับความสำคัญ
เมื่อถามว่าร่าง พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจรจะนำเข้าพิจารณาในสภาสมัยประชุมหน้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ค่ะ เรื่องในสภาจะให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบในเรื่องของสภาอีกทีหนึ่ง”

เมื่อถามว่า ในระหว่างนี้รัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากรับฟัง พูดคุยแล้ว คงจะต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในการทำความเข้าใจ เพราะภาพของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ถูกมองเป็นภาพกาสิโน ซึ่งไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลย แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไปได้หมดทั้งลูกเด็กเล็กแดง ซึ่งมีทุกอย่างอยู่ในนั้น

“พอไฮไลต์คำว่ากาสิโน มันไม่ใช่ กลายเป็นว่าให้กาสิโนทั่วประเทศถูกกฎหมายหมด แต่ให้กาสิโนมีไลเซนส์ในนั้น ถูกกฎหมายในนั้น ถ้าจะมีถูกกฎหมายในนั้น ไม่ใช่ทุกที่ทุกทางต่อจากนี้มีหมด ต้องใช้เวลาความเข้าใจในเรื่องรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะอย่างเช่น มีการพนันนอกกฎหมาย สร้างผลเสียอีกมากมาย

ดังนั้น เราไม่ได้เน้นเรื่องกาสิโนเป็นหลักด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าความตั้งใจนี้ถูกเรียกว่ากาสิโนแทน มันกลายเป็นว่าอ้าว…แล้วอย่างอื่นที่เราจะสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อันยิ่งใหญ่ยังไงแน่ รัฐบาลจะรับผิดชอบเรื่องการสื่อสารให้ชัดเจนขึ้น ว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะถ้าเป็นกาสิโนตั้งแต่แรกพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เห็นด้วยในการแถลงนโยบายอยู่แล้ว แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทำให้เม็ดเงินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่เลื่อนออกไปเป็นเพราะมีการคัดค้านจากหลายฝ่ายหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จริง ๆ แล้วฟังทุกฝ่าย แต่ไม่ใช่เหตุผลนี้ อย่างเรื่องภาษีทรัมป์เป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะทั้งผู้ส่งออก นักลงทุน เป็นห่วงเรื่องนี้ จึงต้องมีการคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ โดยส่วนตัวจะช่วยสื่อสารเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย

“เรามองในเรื่องปากท้อง ไม่ได้มองเรื่องกาสิโน การทำความเข้าใจสำคัญ เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นการสร้างเม็ดเงินใหม่ จ้างงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายพันตำแหน่งในสถานที่เดียว เราเห็นโอกาสในการโตขึ้นของประเทศอย่างชัดเจน เราเห็น Destination ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยว แต่ประเด็นนี้ถูกบิดไปบิดมาทางการเมือง กลายเป็นว่ารัฐบาลมุ่งเน้นเปิดสถานที่พนันเสียแล้ว ไม่ใช่ความตั้งใจนี้เลย” น.ส.แพทองธารกล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขู่พรรคร่วมรัฐบาลถ้าไม่โหวตให้กฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรจะขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “เนี่ยค่ะ พรรคร่วมอยู่ครบแล้วค่ะ สัมภาษณ์ได้เลย จริง ๆ แล้วเราไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย เห็นด้วยไม่เห็นด้วย ขับไม่ขับ ไม่ใช่

จริง ๆ แล้วตัวดิฉันในฐานะผู้นำรัฐบาล อยากให้พรรคร่วมเกิดความสบายใจและพร้อมเห็นด้วยด้วยความเต็มใจในการโหวต นี่คือการนำแบบดิฉัน พรรคร่วมเห็นด้วยตรงกันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่อยากให้ทำด้วยความรู้สึกว่าเห็นด้วยตรงกัน พร้อมที่จะนำไปด้วยกัน 100% ทุกคนจะได้ทำงาน 100%”