นิตยสาร “ไทม์” เปรียบ “ประยุทธ์” เป็น “สฤษดิ์น้อย”

หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบหารือกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ระหว่างการเดินทางเยือน สหราชอาณาจักร ในวันที่ 20-22 มิถุนายน โดยคณะของพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมายังบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่ง หรือทำเนียบนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระหว่างการพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้คำมั่นสัญญากับ นางเทเรซา เมย์ ว่า จะเร่งรัดจัดการเลือกตั้งให้ได้ภายในต้นปี 2562

นอกจากนี้ นิตยสาร Time (ไทม์) เตรียมขึ้นปกรูป พล.อ.ประยุทธ์ ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 พร้อมข้อความอธิบายเนื้อหาว่า Democrat. Dictator. which path will Thailand’s Prayuth Chan-ocha choose ? แปลความได้ว่า ประชาธิปไตย เผด็จการ เส้นทางไหนที่ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะเลือกเดิน ?? เป็นการตั้งคำถามและคำโปรยที่ชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้นิตยสาร ไทม์ ยังเปรียบพล.อ.ประยุทธ์ เป็น ‘สฤษดิ์น้อย‘ (Little Sarit) เพราะมีคุณลักษณะ ‘บางประการ’ ที่คล้ายกับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย

เว็บไซต์นิตยสารไทม์ยังเผยแพร่บทวิเคราะห์รวมไปถึงบทสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เตรียมตีพิมพ์เผยแพร่ในนิตยสารไทม์ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 ในหัวข้อ “ผู้นำไทยสัญญาจะคืนประชาธิปไตย แต่กลับกระชับอำนาจ” พร้อมโปรยหัว ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทยจะเลือกอะไร ประชาธิปไตย หรือเผด็จการ?

ไทม์เลือกภาพประกอบเป็นภาพพล.อ.ประยุทธ์ในบรรยากาศที่มีแสงและเงาดูลึกลับถ่ายไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งตั้งคำถามว่าประไทยไทยจะอยู่ในจุดนี้อีกนานเท่าไร เมื่อประเทศไทยอยู่ในจุดนี้มา 4 ปีแล้ว หลังจากการรัฐประหารที่นับเป็นครั้งที่ 12 นับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเมื่อปีพ.ศ. 2475 ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ สัญญาว่าจะคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว

ไทม์ระบุถึงบทสัมภาษณ์พล.อ.ประยุทธ์ที่ระบุว่า “ตอนผมยังเด็ก ความรักชาติคือการเป็นทหาร รบในแนวหน้าเพื่อประเทศชาติ” และว่า “ผมบอกตัวเองว่าผมต้องทุ่มเทชีวิตเพื่อชาติบ้านเมืองและสถาบันกษัตริย์”

พร้อมระบุถึงเหตุผลในการยึดอำนาจว่า “ผมไม่สามารถปล่อยให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติของผมได้” นายกรัฐมนตรีระบุ และว่า “ชาติกำลังเสี่ยงที่จะถูกทำลาย”

ไทม์ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2014 ประยุทธ์ นำประเทศไทยกลับสู่ความแข็งแกร่ง ภายใต้การปกครองของรับบาลทหาร จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ การส่งออกสูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวมีมากถึง 35 ล้านคนในปี 2017 โครงการด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้รับการไฟเขียวเช่นโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก การก่อสร้างรถไฟ และโรงงานต่างๆ

“นี่ไม่ใช่ 4 ปีเพื่อสร้างอำนาจ แต่เป็นเวลาแก้ปัญหา ก้าวข้ามอุปสรรคและสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยเพื่อก้าวไปสู่อนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ระบุกับไทม์
อย่างไรก็ตามไทม์ชี้ว่าอนาคตยังคงมืดมัวเมื่อยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยอย่างรุนแรงทั้งการจับกุมผู้ชุมนุม การตัดสินคดีในศาลทหาร การข่มขู่ผู้สื่อข่าว และยังระบุว่าพล.อ.ประยุทธไม่สนใจความต้องการของประชาชน ให้วิธีแก้ปัญหาผ่านรายงานในช่วงเย็นที่สร้างความงุนงง อย่างการแก้ปัญหาความยากจนด้วยการทำงานหนัก หรือ เลี่ยงการเป็นหนี้ด้วยการหยุดช็อปปิ้ง รวมถึงกล่าวอ้างถึงการใช้ศาสตร์มืดจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง แถมยังมีภาพนายกรัฐมนตีพูดคุยกับกบ นอกจากนี้ยังแต่งเพลงที่พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารถึงประชาชนด้วย

ไทม์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามที่จะสร้างระบบทางการเมืองใหม่เพื่อแสดงให้เห็นภายนอกว่าคืนประชาธิปไตยสู่ประเทศทว่านั่นก็ยังคงหมายถึงการยังคงไว้ซึ่งอำนาจของกองทัพ ด้านนักเคลื่อนไหวในไททยก็ยังรู้สึกห่างไกลจากการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิไตย โดยเฉพาะในเวลาที่นักเคลื่อนไหวถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหารุนแรงอย่างต่อเนื่อง

บทวิเคราะห์ระบุว่าไทยเริ่มเปลี่ยนไปจากชาติประชาธิปไตยไปสู่เผด็จการ และหันหน้าจากการเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ไปสู่การสร้างสัมพันธ์กับจีนเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ พม่า รวมถึงกัมพูชา นับตั้งแต่การรัฐประหารของพล.อ.ประยุทธ์ และนับตั้งแต่นั้นความร่วมมือด้านการทหารระหว่างไทยและจีนก็เพิ่มมากขึ้น มีโครงการสั่งซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์จากจีนจำนวนมหาศาล รวมไปถึงความร่วมมือและการริเริ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอีกหลายโครงการ

ไทม์ระบุว่าสังคมเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลทหารมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งอาจนำไปสู่จุดวิกฤตได้ในไม่ช้าเช่นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงอย่างเด็ดขาด

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงยืนยันกับไทม์ว่า ตนไม่ได้เต็มใจที่จะเข้ามาอยู่ในอำนาจและว่าตนจะอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น

“ผมไม่เคยคิดที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีในแบบนี้เลย” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ และว่า “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตผม”

ส่วนคำถามของไทม์ที่ว่านั่นหมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์จะปล่อยมือจากอำนาจหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ซึ่งเป็นกำหนดเลือกตั้งหรือไม่นั้น
“นั่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุพร้อมยักไหล่ “ผมไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้”ก่อนที่ไทม์จะปิดท้ายว่า ชาวไทยนับล้านคนก็รู้สึกในแบบเดียวกัน

 

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์