ดันซอฟต์พาวเวอร์ 15 อาชีพ เครื่องยนต์ใหม่ พลิกโฉมเศรษฐกิจ

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” กำกับด้วยตัวเองตั้งแต่ยังอยู่ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน คือนโยบายซอฟต์พาวเวอร์

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี หัวหอกสำคัญที่ร่วมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ตั้งแต่ต้น 15 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ในการพลิกประเทศ

พร้อมกับหาคำตอบว่าทำไม การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์เหตุใดจึงดูล่าช้า ขณะเดียวกัน บิ๊กอีเวนต์ใหญ่ ๆ ระดับโลกที่จะเห็นคืออะไร

รูปธรรม THACCA

นพ.สุรพงษ์เริ่มต้นบอกว่า คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯมองว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ 15 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมด้านศิลปะ ด้านศิลปะการแสดง ด้านหนังสือ ด้านการออกแบบ ด้านแฟชั่น ด้านเฟสติวัล ด้านภาพยนตร์ สารคดี และแอนิเมชั่น ด้านอาหาร ด้านดนตรี ด้านศิลปะการแสดง ด้านละครและซีรีส์ ด้านกีฬา ด้านการท่องเที่ยว ด้านเวลเนส ด้านโฆษณา เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศไทย

เพราะนโยบายเศรษฐกิจดั้งเดิมที่เราเคยใช้หลายสิบปีอาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นอนาคตของไทย คือ อาหาร ธุรกิจทางภาคบริการ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือซอฟต์พาวเวอร์ที่จะต้องปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ทำให้ซอฟต์พาวเวอร์สามารถแสดงพลานุภาพของการใช้วัฒนธรรม เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และคนไทยได้หลุดพ้นจากความยากจน

แต่สิ่งที่จะทำให้นโยบายซอฟต์พาวเวอร์เกิดเป็นรูปธรรม จะต้องมีการออกกฎหมาย ตั้งองค์กรที่เรียกว่า THACCA แต่ นพ.สุรพงษ์อธิบายจุดเริ่มต้นปัญหาการขับเคลื่อน คือเรื่องของความเป็นเอกภาพของระบบราชการและภาคเอกชน มาช่วยทำให้ซอฟต์พาวเวอร์เดินต่อไปได้

ADVERTISMENT

เพราะช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก กรุงเทพฯเมืองแฟชั่น ไม่สามารถจะพัฒนาต่อยอดไปได้ เพราะว่ายังเป็นลักษณะของการมองอย่างแยกส่วน หน่วยราชการต่าง ๆ เองต่างคนต่างทำ ไม่มียุทธศาสตร์ใหญ่ร่วมกัน

ส่วนภาคเอกชน คือคนที่ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ตัวจริงในอุตสาหกรรมไม่ได้มีบทบาทร่วมการขับเคลื่อน ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนทั้งในแง่ของ Mind Set และโครงสร้างครั้งใหญ่ คือทำให้ทางภาคราชการมีโอกาสที่จะมองยุทธศาสตร์ร่วมกัน แล้วก็ใช้ยุทธศาสตร์นี้เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน

ADVERTISMENT

ขณะเดียวกัน ต้องให้ภาคเอกชนที่มีประสบการณ์ตรงในการขับเคลื่อนได้มีการมาร่วมกัน จึงมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้นมา แต่รูปแบบของคณะกรรมการไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน ถ้าหากมีการเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งในอนาคต

ดังนั้น จะต้องมีองค์กรหนึ่งซึ่งทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ คือสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ Thailand Creative Culture Agency ร่างเป็นกฎหมายที่จะนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้นำเสนอต่อสภาทั้งสองสภา

ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยวางไทม์ไลน์ว่าร่างกฎหมาย น่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 แต่เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ต้องตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติขึ้นมาใหม่ นำเสนอกันใหม่อีกรอบหนึ่ง นำมาสู่ความล่าช้า

ดังนั้น ตามไทม์ไลน์ปัจจุบันควรเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมครั้งหน้า (เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม) และน่าจะผ่านทั้งสองสภาภายในต้นปี 2569 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้ง THACCA อย่างเป็นทางการภายในกลางปี 2569

ของบฯ 5 พันล้าน ได้ใช้แค่ 600 ล้าน

นพ.สุรพงษ์บอกว่า ข่าวคราวเรื่องงบประมาณของซอฟต์พาวเวอร์ ที่มีข่าวว่า 5,000 ล้าน แต่จริง ๆ แล้วนั้นเป็นคำเสนอของคณะอนุกรรมการที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้วคำขอก็ถูกส่งต่อไปเป็นทอด ๆ ถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติไปถึงสำนักงบประมาณ

แต่ด้วยข้อจำกัดของระบบงบประมาณปี 2567 กว่าที่จะได้รับการพิจารณางบประมาณคือเดือนเมษายน 2567 ดังนั้น งบประมาณตัวเลข 5,000 ล้าน พอมาถึงเวลาปฏิบัติจริงกว่าจะได้เงินมาคือเดือนสิงหาคม 2567 แล้วได้แค่ประมาณ 600 กว่าล้านเท่านั้น ล่าช้าไปกว่ากำหนดพอสมควร เม็ดเงินก็น้อยลงไปด้วย

ดังนั้น กว่าที่จะได้เริ่มดำเนินการอบรมอัพสกิล รีสกิล หรือทำเรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมไปเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะออกมาได้ก็ประมาณปลายปีที่ 2567 นี่เอง

ขั้นตอนต่อไปนี้ รอการเสนอของบประมาณปี 2569 ซึ่งจะดำเนินการได้เต็มรูปแบบ แต่ช่วงระหว่างนี้ งบประมาณปี 2568 ซึ่งมีการเสนอไปเบื้องต้นแล้ว 2,000 กว่าล้าน ซึ่งต่ำกว่าที่เคยพูดกันคือ 5,000 ล้านพอสมควร แต่ก็สามารถเดินตามแผนงานที่กำหนดไว้ต่อไปได้

บิ๊กอีเวนต์ระดับโลก

ขณะที่การจัดอีเวนต์ระดับโลก “นพ.สุรพงษ์” คลี่แผนให้ดูว่า เราจัดงานระดับโลกเพื่อจะทำให้เกิดความตื่นตัว เช่น งานมหาสงกรานต์ World Water Festival ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เป็นคาร์นิวัลระดับโลกเทียบชั้นกับบราซิล ทำให้ชาวต่างประเทศรู้สึกว่าชีวิตหนึ่งจะต้องมาประเทศไทยในช่วงสงกรานต์

ในเดือนมิถุนายน จะมีงาน Splash Soft Power Forum จะรวบรวมศิลปะซอฟต์พาวเวอร์ต่าง ๆ ทั้งนำเสนอที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานีรถไฟหัวลำโพง ศูนย์การค้าบางแห่ง รวมทั้งพื้นที่ที่เป็นย่านที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์

เช่น ตลาดน้อย อีกทั้งมีโรงแรม ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งก็จะเข้าร่วมกิจกรรม อยากให้เป็นงานที่เทียบชั้น South by Southwest ที่ออสติน รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานศิลปะ อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นที่กล่าวขานในระดับโลก

และจะมีกิจกรรม Pride Month มีกิจกรรมที่ทำให้มีชีวิตชีวา มีความสดใส ทำให้คนทั้งโลกมาเยี่ยมชม ส่วน Winter Festival ลอยกระทง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เคานต์ดาวน์ต่าง ๆ ก็จะมีความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และ Bangkok Illumination Festival ก็จะมีความน่าสนใจมากกว่าปี 2567 อีก

“ที่มักจะมีคนบอกว่าเอาแต่จัดอีเวนต์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ใช้งบประมาณแค่ประมาณ 30% ของงบประมาณที่เราเสนอขอเท่านั้น งบประมาณส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการฝึกทักษะระดับสูง อัพสกิล รีสกิล 40% ส่วนอีก 30% ที่เหลือเป็นเรื่องของการพัฒนาระบบนิเวศ การสร้างกองทุน การส่งเสริมให้มีการผลิตหนังในระดับต่าง ๆ ทั้งหนังยาว หนังสั้น สารคดี”

อัพสกิล รีสกิล 20 ล้านคน

สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลเพื่อไทย ใช้เป็นแคมเปญหาเสียงในโปรเจ็กต์ซอฟต์พาวเวอร์ คือ โปรเจ็กต์ OFOS : One Family One Soft Power ให้ครอบครัวคนไทย 20 ล้านครอบครัวมีงานทำ เพิ่มรายได้ โดยฝึกฝนทักษะที่เขาชื่นชอบ ให้คนไทยพ้นจากเส้นความยากจน

“ถ้าให้คนไทยพ้นจากความยากจน ทุก ๆ ครอบครัวต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนจะเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ได้ หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นลูกหลานก็ได้ ที่ควรจะได้รับเงินตอบแทน ประมาณ 200,000 บาทต่อปี หรือ 16,000 บาทต่อเดือน ถ้าหากหารด้วยจำนวนสมาชิกในครอบครัวประมาณ 4 คน ที่เป็นค่าเฉลี่ย เท่ากับว่าทุกคนเนี่ยมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือนต่อคน ก็ทำให้เราสามารถจะพ้นจากเส้นความยากจนอยู่แล้ว ซึ่ง 3,000 บาท”

“ถ้าหากตั้งเป้าหมายอย่างนี้ การจะอบรมจึงเป็นเรื่องใหญ่มากที่ต้องอัพสกิล รีสกิล ที่ผ่านมาเรามักจะมีคำพูดหรู ๆ บอกว่าทางออกประเทศไทย ต้องอัพสกิล รีสกิล แต่เราพูดกันอย่างนี้มานานมากแล้ว มันถึงเวลาที่เราจะลงมือทำ ที่น่าจะสอดคล้องความเป็นจริงมากที่สุด คือการฝึกทักษะของมือ หรือทักษะของปาก ทักษะของสมอง ที่ไม่ซับซ้อนอะไรมาก เช่น เรื่องอาหารไทย อยากจะเป็นคนที่ทำอาหารไทยมีรสชาติอร่อย ฝีมือเลิศ”

“ที่ผ่านมาอาจจะไม่มีการประกาศรับกันอย่างเอาจริงเอาจังเป็นทางการ เมื่อเราเริ่มทำ OFOS หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย หรือทำเรื่องเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ ในการทำเมนูเริ่มต้น อาจจะ 50 เมนู ต่อไปก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”

“จะทำให้คนเริ่มรู้สึกว่า การที่จะฝึกทำอาหารไม่ใช่เรื่องยากแล้ว สามารถที่จะดูจากอีเลิร์นนิ่ง THACCA ที่จะสามารถสอนให้เห็นได้ว่าถ้าจะปรุงอาหารมื้อนี้ใช้วัตถุดิบแบบนี้ ใส่อะไรก่อนใส่อะไรหลังใช้เวลาเท่าไหร่ อย่างนี้เป็นต้น เพราะออกมารสชาติดี ตรงนี้ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะทำให้เกิดการฝึกทำอาหารได้”

“หรือจะเรียนมวยไทย ก็สามารถที่จะไปฝึกอบรมที่ยิมต่าง ๆ ที่สมัครมาแล้วประมาณ 400 ยิม ซึ่งมีการทดสอบมาตรฐานแล้ว สามารถจะฝึกมวยไทยตั้งแต่เด็ก ๆ ได้ เพราะว่าวันนี้มีทั้งเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง มีความฝันว่าอยากเป็นนักมวยที่มีฝีมือ ในอนาคตเป็นนักมวยเงินล้าน เงิน 10 ล้าน”

เราตั้งเป้าหมายว่าในปี 2570 คนที่จะเรียนออนไลน์ทำอาหาร เรียนออนไลน์ฝึกแต่งหน้า เรียนออนไลน์ฝึกร้องเพลง ก็จะค่อย ๆ เรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ตัวเองได้

เป้าหมายเราทะเยอทะยานมากก็คือ 20 ล้านคน ถ้าเรานับคนที่เริ่มเรียนออนไลน์ไปก่อนก็คงถึงเป้าหมายได้ แต่เราก็ต้องเปิดโอกาสให้สามารถเรียนออนไซต์ เรียนจากการปฏิบัติจริงได้ด้วย ที่คุยกับทีมไว้คือว่าทุกคนที่เรียน มีโอกาสที่จะได้รับประกาศนียบัตรของการเรียนออนไลน์ และสามารถที่จะใช้เป็นดิจิทัลไฟล์เป็นโปรไฟล์ของตัวเองได้

เพราะสิ่งที่เราอยากจะทำคือเราอยากจะให้คนที่เรียน สามารถจะสร้างโปรไฟล์ได้ด้วยตัวเอง ให้เป็นเหมือนกับศิษย์เก่าของ THACCA หรือ THACCA Alumni มีชื่อ มีรูป มีรายละเอียดการศึกษาต่าง ๆ ว่าเรียนออนไซต์อะไร เรียนผ่านออนไลน์อะไร เพื่อที่หากมีร้านอาหารอยากหาคนที่ไปเป็นเชฟ อยากหาคนที่เป็นนักมวยสามารถที่จะเข้ามาเสิร์ชใน THACCA Alumni ได้