นายกฯ คุย ‘ผู้นำนิวซีแลนด์’ หารือความร่วมมือแผนรับกำแพงภาษีทรัมป์

นายกฯ ต่อสายคุย 'ผู้นำนิวซีแลนด์' หารือมาตรการรับมือกำแพงภาษีทรัมป์

นายกรัฐมนตรีหารือ ‘นายกฯนิวซีแลนด์’ แลกเปลี่ยนความเห็นระบบการค้าปัจจุบัน พร้อมถกประเด็นสหรัฐตั้งกำแพงภาษีสูง เชื่อความร่วมมือกลุ่มอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มีบทบาทสำคัญช่วยรับแรงกระแทก

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทางโทรศัพท์กับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับความท้าทายของระบบการค้าโลก และแนวทางการรับมือกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ว่านายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย เมื่อ 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณไทยที่มีบทบาทนำและเป็นตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเมียนมาด้วย

จากนั้นนายกรัฐมนตรีไทยและนิวซีแลนด์ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับมือความท้าทายระบบการค้าโลกปัจจุบัน ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่สองประเทศได้หารือเพื่อเร่งกระชับความร่วมมือระหว่างกัน แม้ว่าขณะนี้ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศมาตรการ 90-Day Pause สำหรับ Reciprocal Tariffs แต่มีมาตรการภาษีต่อทุกประเทศในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนสำหรับทุกประเทศ

ในส่วนของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้ติดตาม ประเมินสถานการณ์ และผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐ โดยได้แจ้งสหรัฐแล้วว่าไทยพร้อมที่จะหารือ เพื่อเพิ่มการค้าที่สมดุลมากขึ้น ควบคู่กับการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคส่วนต่าง ๆ โดยคณะทำงานได้มีการปรึกษาหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า นิวซีแลนด์เองถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่ร้อยละ 20 แม้ว่าแท้จริงแล้วอัตราภาษีศุลกากรของนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ร้อยละ 1.9 เท่านั้น

ADVERTISMENT

ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างกังวลถึงการนำไปสู่สงครามการค้าที่รุนแรง และภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังได้หารือแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อรับมือกับมาตรการ โดยเสนอให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ภายใต้กลไกที่มีอยู่แล้วในทั้งกรอบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงในกรอบอาเซียน ทั้งความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Agreement : AANZFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งกลไกเหล่านี้ได้ทวีความสำคัญและมีบทบาทมากขึ้น ในการรับแรงกระแทกจากสถานการณ์การค้าโลก

ADVERTISMENT

โอกาสนี้ผู้นำนิวซีแลนด์กล่าวถึงความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และเห็นว่าน่าจะเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณที่นิวซีแลนด์เห็นความสำคัญในการเป็นพันธมิตรกับไทย ในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก และยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันภายในปี พ.. 2569