เพื่อไทย เฟ้น แม่ทัพ กทม. ลุยศึก สก.-สส. กู้หน้าเกือบสูญพันธุ์

เพื่อไทย เฟ้น แม่ทัพ กทม.
คอลัมน์ : Politics policy people forum

หนึ่งในความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของพรรคเพื่อไทย ของการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 คือ เกือบสูญพันธุ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ สส.เพียงแค่คนเดียว จากทั้งหมด 33 เขตเลือกตั้ง ที่เหลือ 32 เขต เป็นของพรรคก้าวไกล (ในเวลานั้น)

พรรคเพื่อไทย พยายามปรับแก้จุดอ่อน หลายจุดในการแข่งขัน กทม. ถึงขั้นเปลี่ยนแม่ทัพ มี “แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะหัวหน้าพรรค เข้ามาคุมทีม กทม. หวัง “กำจัดจุดอ่อน” ฟื้นศรัทธาในสนามเลือกตั้งเมืองหลวง

“ทักษิณ” ขันนอต กทม.

บนความเคลื่อนไหวล่าสุดของพรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์เชิงปฏิบัติการ (Policy Workshop) ภายใต้ชื่อ “ปรับกรุง ปรุงใหม่ เพื่อ กทม. แบบไหนที่ใช่คุณ”

มีบุคคลสำคัญอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นวิทยากรพิเศษ เรียกร้องให้ทีม กทม. ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมกระตุ้นให้ทุกคน “ปรับตัว” ให้ทันกับความท้าทายของเมืองใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างนโยบายกับความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของประชาชน สนับสนุนการนำทฤษฎี 3E (Education Engineering Enforcement) เพื่อใช้แก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งสนับสนุนให้นโยบายรถ Feeder เอื้ออำนวยประชาชนในการใช้ขนส่งสาธารณะประสบความสำเร็จ

ขณะที่ “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการ “Re-Unite” ของครอบครัวผู้ทำงานเพื่อประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร มาร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาแต่ละเขต รวมถึงอุปสรรคที่ทีม สก. พบเจอในภาคสนาม เพื่อเชื่อมโยงนโยบายของพรรคกับการปฏิบัติจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“พรรคเพื่อไทยพร้อมรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนและนำข้อวิพากษ์วิจารณ์มาปรับปรุงการทำงาน พร้อมเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมทุกคนทุ่มเทในการทำเวิร์กช็อป เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดแผนแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม”

ADVERTISMENT

ไทม์ไลน์รื้อ กทม.

ย้อนไปวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 มีการเลือกตั้งสภากรุงเทพมหานคร (สก.) พรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้ สก. ทั้งหมด 20 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 14 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 9 ที่นั่ง พรรคไทยสร้างไทย 2 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐ 2 ที่นั่ง อิสระ (กลุ่มรักษ์กรุงเทพ) 3 ที่นั่ง

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า 1 ปีหลังจากนั้น ในการเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566 ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย เกือบสูญพันธุ์ ในพื้นที่ กทม. ได้ สส.มาเพียง 1 คน จากเขตเลือกตั้งทั้งหมด 30 เขตเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม “แม่ทัพ” กทม.เวลานั้น คือ ดร.แจ๋น “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” ยังได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทว่า หลังจากพ้นจากตำแหน่งในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ชื่อของ “พวงเพ็ชร” ก็ดูเหมือนถูกลดบทบาทในพรรคเพื่อไทย เมื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาคุมทีม กทม. ด้วยการลงนามคำสั่งพรรคเพื่อไทย เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เมื่อ 30 เมษายน 2567

โดยระบุเหตุผลในคำสั่งว่า เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง สก. และมีสมาชิกได้รับเลือกตั้งส่วนหนึ่ง โดย สก. ได้ปฏิบัติหน้าที่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

จึงควรมีการตั้งคณะกรรมการของพรรคขึ้นมาติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินงานของ สก. ของพรรค เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ในสภากรุงเทพมหานคร และการปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายและแนวทางของพรรค

กระทั่งเดือนมีนาคม 2568 เหลือเวลาเลือกตั้ง สก.กทม.อีก 1 ปี พรรคเพื่อไทยเตรียมความพร้อมศึกเลือกตั้ง สก.ครั้งใหม่ แบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 4 โซน โดยมอบภารกิจให้ 4 ขุนพล ประกอบด้วย

“ดนุพร ปุณณกันต์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รับผิดชอบ กทม.โซน 1 มี 15 เขต ประกอบด้วย พระนคร ดุสิต ปทุมวัน บางคอแหลม บางรัก ดินแดง ห้วยขวาง สัมพันธวงศ์ สาทร ยานนาวา คลองเตย วัฒนา ราชเทวี พญาไท และป้อมปราบศัตรูพ่าย

“พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ” ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รับผิดชอบ กทม. โซน 2 มี 9 เขต ประกอบด้วย วังทองหลาง บางเขน บึงกุ่ม คันนายาว บางกะปิ สะพานสูง สวนหลวง คลองสามวา และลาดพร้าว

“ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย ในฐานะ สส.กทม. 1 เดียว รับผิดชอบโซน 3 มี 11 เขต ประกอบด้วย ดอนเมือง สายไหม มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง หลักสี่ ประเวศ บางนา พระโขนง จตุจักร และบางซื่อ

“พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับผิดชอบ กทม. โซน 4 มี 15 เขต ประกอบด้วย ธนบุรี ภาษีเจริญ จอมทอง ทุ่งครุ บางขุนเทียน บางบอน หนองแขม ราษฎร์บูรณะ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ตลิ่งชัน บางแค ทวีวัฒนา คลองสาน และบางพลัด

ตัวเต็ง แม่ทัพคุม กทม.

ในอดีต แม่ทัพ กทม.ของพรรคเพื่อไทย มีชื่อ-ชั้นทางการเมือง มาตลอดตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก่อนจะมาเป็น “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” ก็ผ่านงานการเมืองตั้งแต่ยุค “น้าชาติ” ยุคพรรคชาติไทยรุ่งเรือง ก่อนจะผลัดใบเป็นชาติพัฒนา แล้วย้ายมาสวมหัวโขนในพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องถึงพรรคเพื่อไทย

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังขาด “แม่ทัพ” คุมกำลังตัวจริง ในบรรดา 3 คนที่นั่งหัวโต๊ะประชุมภาค กทม.

หนึ่ง “เพ้า” จักรพงษ์ แสงมณี อดีต รมช.ต่างประเทศ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งปัจจุบันยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ทว่า “เพ้า” ไม่ใช่ สส. และทำงานหลังบ้านในพรรคเพื่อไทยมาตลอด สถานะยังไม่อาจเข้ามาคุมทัพ

สอง “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย สส.คนเดียว ใน กทม. และยังได้รับมอบหมายในกระทรวงมหาดไทย ให้กำกับ กทม. แม้มีแสงในตัวเองในโซเชียลมีเดีย แต่งาน กทม.ถือเป็นงานระดับ “งานช้าง” จึงยังต้องลุ้น

โดยตีคู่มากับคนที่สาม คือ “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ทายาท Aerosoft ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม พร้อมกับควบตำแหน่งหลาน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม เขาอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 93

ซึ่งรับรู้ในพรรคเพื่อไทยว่า ลำดับที่ 90-100 นั้น มีสิทธิที่จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นหลานของ “สุริยะ” แม้บารมีการเมืองยังไม่ถึงขั้น แต่ก็ได้รับเสียงเชียร์จาก สก.-อดีตผู้สมัคร สส.กทม. ให้ขยับมาคุม กทม.

เนื่องจากมีการคาดการณ์ในโซน กทม. เพื่อไทยว่า ในปี 2568 อาจมีการเลือกตั้งซ่อมใน กทม. แทน รักชนก ศรีนอก กทม. พรรคประชาชน จากคดีที่ถูกพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยศาลอาญา พิพากษาจำคุก 6 ปี ไปเมื่อช่วงปลายปี 2567

จากนั้นในปี 2569 คือเตรียมความพร้อม เลือกตั้ง สก. และผู้ว่าฯ กทม. เป็นคิวถัดไป

พรรคเพื่อไทย ต้องปรับยุทธศาสตร์ ปรับทัพ หา “แม่ทัพ” กู้หน้าจากความพ่ายแพ้ที่เกือบสูญพันธุ์ใน กทม.