วิโรจน์ เล็งยื่น ป.ป.ช.สอบ ‘นายกฯ’ จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปมชั้น 14

วิโรจน์ เล็นยื่น ป.ป.ช.สอบ 'นายกฯ' จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปมชั้น 14

วิโรจน์ เล็งยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ ‘นายกฯ’ จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปมชั้น 14-อัดรัฐบาลดักดานไม่ถอดบทเรียน ‘นิรโทษเหมาเข่ง’ แนะเปิดพื้นที่วิจารณ์ กม.คอมเพล็กซ์

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลระบุว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่กาสิโนเพียงอย่างเดียว อย่าปล่อยให้เกิดการบิดเบือน ว่าการโทษทุกสิ่งทุกอย่างแสดงว่าไม่เข้าใจปัญหา ขนาด ครม.พรรคร่วมรัฐบาลประชุมกันทุกสัปดาห์ การสื่อสารกันเองยังด้อยประสิทธิภาพเลย แล้วยังมีหน้ามาโทษคนอื่นบิดเบือนอีก

ตนไม่เคยค้านแบบสุดลิ่มหรือไปบิดเบือน แต่จะพยายามบอกว่ารัฐบาลยังขาดการดึงเอาประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องที่จะดำเนินนโยบายได้อย่างถูกต้อง ถ้ารัฐบาลไม่เปิดช่องก็เท่ากับรัฐบาลปิดประตูตีแมว เคยมีประสบการณ์กับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งมาแล้วไม่ใช่หรือ แสดงว่าดักดานไม่เคยเอามาเป็นบทเรียน มัวแต่โทษคนอื่น นี่คือปัญหาของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

นายวิโรจน์กล่าวว่า ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ประชาชนทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยยังรับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ตรงกันอยู่เลย และมี 2 เรื่องที่รัฐบาลต้องสื่อสารอย่างหนักและดีกว่านี้ คือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่ประเมินหรือประมาณการไว้เท่าไหร่ต่อปี และใช้ตัวแปรอะไร รวมถึงผลเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคมในทางลบ รัฐบาลมีมาตรการจัดการอย่างไร

เมื่อถามถึงการรับฟังความเห็นประชนช่วงปิดสมัยประชุมสภา รัฐบาลควรทำอย่างไร นายวิโรจน์กล่าวว่าตนขอย้ำว่าต้องเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชน นักวิชาการ วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยรัฐบาลตอบคำถามอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ตอบโต้ กฎหมายลักษณะนี้ถ้าไม่ประณีตและรัดกุม ถ้าเกิดผลกระทบทางลบต่อสังคม กว่าจะแก้ไขกฎหมายได้ใช้เวลาหลายปี ให้รับไปก่อนแล้วแก้ทีหลังแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ จะอ้างแก้ในชั้น กมธ.ไม่ได้

ถ้าเคลียร์กับประชาชนจนสิ้นข้อสงสัย แก้ไขร่างที่ 1 จนประชาชนรับได้ ก่อนส่งเข้าสภาให้รับหลักการก็มีแนวโน้มจะผ่าน แบบนั้น สว.เองก็ไม่น่าจะมีแรงต้าน หากประชาชนเห็นด้วย ตนว่านายวิสุทธิ์ต้องไปบอกพรรคเพื่อไทยและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก่อนว่าอย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เพราะรัฐบาลขาดการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงอย่างครอบคลุม ทั่วถึง เพียงพอ ยิ่งเห็นรัฐบาลงุบงิบ มุบมิบ กุลีกุจอจะทำให้ได้ ประชาชนก็อาจจินตนาการในทางร้ายไว้ก่อนอยู่แล้ว

ADVERTISMENT

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการโรยเกลือรัฐบาลต่อหลังจากเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลังจากสงกรานต์ ช่วงวันที่ 21 เมษายนนี้จะมีการแถลงข่าว 3 ประเด็นหลักคือ 1.พฤติกรรมของนายกฯ ที่เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง โดยใช้ตั๋ว PN ในการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ ต้องให้อธิบดีกรมสรรพากรส่งเรื่องสอบถาม หรือหารือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพื่อให้กรณีนี้ได้รับการสรุป

และมีบทสรุปที่ชัดเจนอย่างสิ้นข้อสงสัย ประชาชนจะได้นำเอาแพทองธารโมเดล เวลาจะให้หุ้นบริษัท ให้ที่ดินกับลูก หรือว่าสินทรัพย์ใดที่มีระบบทะเบียน ต่อไปนี้เขาจะได้เลิกให้ และใช้นิติกรรมแสร้งทำเป็นขายแล้วให้ลูก ทำตั๋ว PN ที่ไม่มีกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย ยื่นหมูยื่นแมวมาให้ หรือไม่ ต้องถามนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ว่าจะยอมรับกรณีแบบนี้เป็นมาตรฐานจริงหรือเปล่า

ADVERTISMENT

2.เรื่องโฉนดโรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งเรายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ต้นน้ำลำธาร ไม่ว่ากฎหมายฉบับไหนก็ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้ ก็เท่ากับว่า อาจได้โฉนดมาโดยมิชอบ ต้องมีการเดินหน้าเพิกถอนโฉนด

3.กรณีของนักโทษชั้น 14 ก็เข้าข่ายว่านายกฯ รู้ทั้งรู้ แต่ว่าก็จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (...) ดำเนินการต่อไป แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ใช้ช่องทางจริยธรรมจัดการกับนายกฯ แน่ ๆ เพราะเราเชื่อว่าจริยธรรมมันอยู่ที่ตัวตนของนายกฯ เอง ไม่ต้องไหว้วานให้มรดกบาป คสช.มาชี้ว่าคนดีเลว แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ก็ตาม กับการยื่นมีดให้ศาลรัฐธรรมนูญ

เราจะไม่ใช้วิธีการที่พรรคเราเชื่อว่าไม่ถูกต้องจัดการกับคนไม่ถูกต้อง เรายังคงเรียกร้องให้นายกฯ มีสำนึกในตัวเอง และจริยธรรมตัวเองต้องตัดสิน รับผิดชอบ ไม่ต้องให้ใครชี้นิ้ว และไม่ต้องให้มรดกบาป คสช.เอามีดมาฟัน ย้ำว่า แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ต่อการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เราจะไม่ใช้กระบวนการที่เราเชื่อว่าไม่ชอบธรรมจัดการกับคนไม่ชอบธรรม เพราะมันไม่ยั่งยืน ระบบสามานย์ต่าง ๆ ก็จะดำรงอยู่ เราไม่สามารถเอาน้ำเสียไล่น้ำเสียได้