
นายกฯ เผยผลหารือ ปธ.อาเซียน เห็นพ้องต้องรวมพลังชาติอาเซียน รับมือ ‘กำแพงภาษีทรัมป์’ เผย ‘ทักษิณ’ ช่วยเจรจาคนรอบตัวผู้นำสหรัฐ ก่อน ‘พิชัย’ บินเจอระดับ รมต.สหรัฐ 23 เม.ย.นี้ เชื่อจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ประเทศ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังหารือเจรจาการทำงานกับ ดะโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ว่า มีการหารือ 3 เรื่องหลัก ๆ 1.ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงสะพานเชื่อมแม่น้ำโก-ลก เชื่อมอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และรันเตาปันยัง มาเลเซีย คาดว่าจะเสร็จปี 2027
2.ความสงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ไทยขอความร่วมมือมาเลเซีย โดยจะมีการเน้นเรื่องเศรษฐกิจสินค้าฮาลาล พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยางพารา (รับเบอร์ซิตี้) ที่มีความเห็นร่วมกันว่า ควรเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อพัฒนาความร่วมเศรษฐกิจของประเทศ
รวมถึงมีการพูดคุยในเรื่องทีมทำงาน ว่าจะช่วยเหลือกันได้อย่างไรบ้าง หากระดับนายกฯ หรือรัฐมนตรีพูดคุยกันแล้ว ก็ขอให้การทำงานในระดับปฏิบัติการราบรื่นด้วย พร้อมยืนยันว่าจะยังคงให้ทางมาเลเซียเป็นผู้ดำเนินการเชื่อมในเรื่องการพูดคุยสันติ
และ 3.การรับมือกำแพงภาษีนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่มีผลกระทบทั่วโลก ซึ่งในส่วนของประเทศอาเซียน ก็ดูว่าจะรวมพลังกันได้อย่างไรบ้าง เพราะหากรวมประชากรในอาเซียนก็ถือว่ามีจำนวนเยอะและมีความแข็งแรง ฉะนั้น การทำงานการดำเนินการเจรจาก็ทำในแต่ละประเทศ แต่จะมีการรวมพลังในอาเซียน ซึ่งจะมีการหารือว่าจะมีการแก้ไขกันอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าการจับมือของอาเซียนเพื่อต่อสู้ภาษีสหรัฐจะออกมาในลักษณะใด นายกฯ ระบุว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยลงลึกรายละเอียด แต่มีการพูดคุยกันว่าจะช่วยซัพพอร์ตกันในกลุ่มอาเซียนหรือไม่ ซึ่งไทยยืนยันว่าพร้อมร่วมมือกับอาเซียน และไม่เน้นเรื่องความรุนแรง แต่เน้นเรื่องความสงบสุข ซึ่งการเจรจาหากวินวินได้ก็พยายามดำเนินการอย่างนั้น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเจรจาเรื่องภาษีทรัมป์ หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดเผยว่าได้มีการช่วยพูดคุยกับคนรอบตัวผู้นำสหรัฐ นายกฯ ยอมรับว่านายทักษิณได้พูดคุยไปหลายคนแล้วแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์ เพราะการที่พูดคุยกับบุคคลที่มีตำแหน่งโดยตรง เช่น นายกฯ หรือรัฐมนตรีจะสามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ก่อน และทางสหรัฐก็อยากได้ความคิดเห็นของประเทศไทยเช่นกัน ซึ่งก็คุยว่าจะช่วยเหลือกันประมาณไหน
ส่วนระดับทางการ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะไปหารือก่อน ซึ่งขณะนี้มีการกำหนดวันหารือกับตัวแทนสหรัฐระดับรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว คือ 23 เม.ย.นี้ ส่วนจะเป็นใครต้องรอคอนเฟิร์มอีกครั้ง แต่คิดว่าไทยมีข้อเจรจาต่อรองที่แข็งแรงพอสมควร
และจะเป็นเรื่องบวก ๆ ของ 2 ประเทศ และต้องหารือกันแฟร์ ๆ ซึ่งเราก็สามารถให้ประโยชน์แก่กันได้ พร้อมยืนยันว่าไทยกับสหรัฐมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน จึงคิดว่าเมื่อคุยแล้วจะเกิดผลดี
เมื่อถามว่าไทยจะใช้อะไรเป็นแต้มต่อในการเจรจา นายกฯ ระบุว่าเรื่องการค้าต่าง ๆ แต่รายละเอียดนายพิชัยจะเป็นผู้แถลง เพราะเรื่องที่พูดคุยต้องระดับทางการก่อน และเปิดเผยต่อสื่อมวลชน แต่ยืนยันจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่า นายกฯ มีโอกาสต่อสายหารือกับผู้นำสหรัฐโดยตรงหรือไม่ นายกฯ ระบุว่า หากเป็นเหตุการณ์ปกติสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ทุกประเทศเข้าคิวหารือ ฉะนั้น เราก็ทำขั้นตอน แต่ถ้าอะไรสมารถดำเนินการได้ก็ทำ
พร้อมยืนยันว่าการหารือจะเน้นเพื่อช่วยผู้ประกอบการไทย รวมถึงตนพูดคุยกับทีมงานว่าเราควรสนับสนุนเอกชนในการลงทุนต่างประเทศด้วย แต่ที่ผ่านมารัฐไม่มีมาตรการชัดเจนในเรื่องนี้ ขณะนี้กำลังดำเนินการให้ชัดเจนอยู่
เพราะขณะนี้หากเอกชนจะไปลงทุนต่างประเทศต้องดำเนินการด้วยตัวเอง แต่หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐก็อาจจะยิ่งใหญ่และดีกว่าเดิมโดยไม่ต้องเสี่ยง ซึ่งจากที่ตนเคยอยู่ภาคเอกชน หากได้รับการช่วยเหลือจากรัฐก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศมากมาย
น.ส.แพทองธารเปิดเผยอีกว่า ช่วงที่เจอนายทักษิณที่ จ.เชียงใหม่ นายทักษิณก็อัพเดตให้ฟังว่าได้หารือเรื่องสหรัฐกับใครบ้าง รวมพูดคุยถึงทิศทางต่าง ๆ
เพราะตนตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เคยเจอกับครอบครัวลูก ๆ ทรัมป์ที่เมืองไทย และนายทักษิณก็ทราบแนวการทำงานของทรัมป์ ว่าเป็นนักธุรกิจประมาณไหน จึงเชื่อว่าสามารถคุยด้วยได้อยู่แล้ว และอะไรที่เป็นประโยชน์กับเขาและเรา โดยที่เค้าก็ไม่เสียประโยชน์ ทุกประเทศแฟร์
ทั้งนี้ ยอมรับว่าก็คงต้องมีการปรับตัว อย่างเรื่องภาษีก็ยังไม่มีการประกาศชัด ซึ่งต้องมีการนำมาพูดคุยและเคลียร์ทั้งกระดานและทั้งหมด
นายกฯ ระบุว่า ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจว่าตนก็เป็นนักธุรกิจมาก่อน จึงทราบว่าคงไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ แต่เราก็พยามคุยเพื่อให้เราแข็งแรงด้วยในการต่อรองและเจรจา และรัฐบาลก็จะทำอย่างเต็มที่ ซึ่งไทยก็มีจุดแข็งมากมาย และส่งสินค้าให้สหรัฐอเมริกาเยอะ ซึ่งเชื่อว่าสามารถคุยในรายละเอียดและจะต่อรองกันได้ ไม่ใช่เฉพาะสินค้าเกษตรเท่านั้น