ศึกเลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ เปิด 3 ตัวเต็ง 1 เสียงสะเทือน 1 เก้าอี้ ปรับ ครม. 

วิเคราะห์ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช 1 เก้าอี้ วัดศักดิ์ศรี ระหว่างทีมนายใหญ่ กับเครือข่ายการเมืองสีน้ำเงิน ตัวเลข 1 เสียงที่ภาคใต้ อาจสะเทือนถึง 1 เก้าอี้ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี

โค้งสุดเลือกตั้งซ่อม สส.เมืองคอน (นครศรีธรรมราช) เขต 8 ในวันอาทิตย์ 27 เมษายน 2568 เป็นไปอย่างดุเดือด 4 พรรคการเมืองจัดทัพใหญ่ลงไปช่วยผู้สมัครกันเต็มที่ พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษา นำทีมไปช่วย ‘ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ’ ขณะทีมแชม์เก่า ‘ไสว เลื่องสีนิล’ ได้แม่ทัพใต้ค่ายการเมืองสีน้ำเงิน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีแรงงาน ไปช่วยหาเสียง

ค่ายการเมืองเก่าแก่ประชาธิปัตย์ ที่ส่ง ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ’ สส. 9 สมัย ได้อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ไปปราศรัยแหลงใต้หวังเกี่ยวใจคนพื้นที่ ส่วนค่ายการเมืองสีส้ม พรรคประชาชน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ไปช่วย ‘ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง ปรีชา’ หาเสียงก่อนถึงวันชี้ชะตา

“ประชาชาติธุรกิจ” พูดคุยกับนักวิเคราะห์การเมือง “ธนพร ศรียากูล” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย เพื่อวิพากษ์ประเมินสถานการณ์เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน เขต 8 รวมถึงโอกาสการเกิดอาฟเตอร์ช็อกที่จะตามมา

นครศรีฯ เขต 8 วัดบารมี “การเมืองแดนใต้”

นักวิเคราะห์การเมืองตอบยิงตรง ว่าสนามเลือกตั้งนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก ปกติการเลือกตั้งซ่อม สส.เพียง 1 เก้าอี้ โดยเฉพาะการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล การได้มาเพียง 1 เก้าอี้ไม่ส่งผลต่อคะแนน และตามธรรมเนียมหากพื้นเดิมใครได้ พรรคร่วมจะไม่ส่งแข่ง เช่น พิษณุโลก บึงกาฬ

แต่สนามนี้เมืองนคร รอบนี้จากภูมิทัศน์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปหลังปี 2566 ทำให้ทุกพรรคอยากกระโดดลงมาเล่น เพราะจะเป็นสนามวัดความนิยม วัดฝีมือ และวัดเครือข่ายการเมือง ฉะนั้น จึงได้เห็นการแข่งขันทั้งทางการเมืองเก่าและใหม่ในสนามนี้ ได้เห็นทุกพรรคอยู่ในสภาวะช่วงชิงกัน แม้เป้าหมายต่างกัน

ADVERTISMENT

“ประชาธิปัตย์” ต้องพยายามรักษาฐานที่มั่นที่เคยเสียไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อการเลือกตั้งรอบหน้า “ภูมิใจไทย” ที่เป็นเจ้าของเก้าอี้เดิม หากเลือกตั้งซ่อมรอบนี้แพ้รอบหน้าอาจขวัญเสีย และทำให้เครือข่ายหัวคะแนนเปลี่ยนไปได้

ขณะเดียวกัน “กล้าธรรม“ ที่กำลังเติบโตหากปักธงสนามนี้ได้ จะเป็นทางเลือกอีกพรรคการเมืองของเครือข่ายในพื้นที่ และเป็นโอกาสนักการเมืองหน้าใหม่ รวมถึงทำให้ภูมิใจไทยที่เคยเป็นเสี้ยนตำเท้านายใหญ่มาตลอดจะมีคนมาช่วยไล่บี้

แต้ถ้า “พรรคประชาชน” ปักธงได้ หมายความว่าสนามอื่นในการเลือกตั้งรอบหน้าก็อาจสู้ได้ และมีโอกาสได้ สส.เขตในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มมากขึ้น

ฉะนั้น การเลือกตั้งซ่อมสนามเมืองคอน เขต 8 รอบนี้มีความหมายต่อการเลือกตั้งครั้งหน้ามาก ส่วนปรากฏการณ์ระยะสั้นจะทำให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความมั่นใจในการบริหารอำนาจหากถึงเวลาจำเป็น

ผล 1 สส. อาฟเตอร์ช็อกปรับ ครม.

เมื่อถูกยิงตรงถาม ผลสุดท้ายผู้สมัครพรรคไหนจะเข้าวิน หลังผู้นําจิตวิญญาณแต่ละค่ายการเมืองลงไปช่วย ธนพรบอกว่า ผมขอพูดตรง ๆ วันนี้หากมองในพรรครัฐบาล การตัดสินเพียงอย่างเดียวต้องดูว่าใครยิงกระสุนมากและหนักกว่ากัน ตนไม่ต้องพูด แต่คนพื้นที่รู้ และเท่าที่ทราบจำนวนกระสุนวันนี้มีค่าสูงเท่ากับการเลือกตั้งระดับผู้ใหญ่บ้านแล้ว และเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งซ่อมสนามนี้ตัดสินปัจจัยหลักคือกระสุนมากกว่ากระแส

นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า หากให้ฟังธง จากความทุ่มเท ความกล้าได้กล้าเสียต่าง ๆ พรรคกล้าธรรมมาแรงมากที่สุด

ส่วนชินวรณ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย นักวิเคราะห์การเมืองบอกต้องยอมรับว่านายชินวรณ์เป็นนักการเมืองคุณภาพ แต่วันนี้ภูมิทัศน์ทางการเมืองภาคใต้เปลี่ยนไป เจ้าตัวก็ยอมรับ เห็นจากการโพสต์ในสื่อสาธารณะ รวมถึงเห็นจากผลความพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งในอดีต

ขณะที่ผู้สมัครคนรุ่นใหม่พรรคประชาชน ไม่ตัดโอกาสการได้ชัยชนะ แต่ต้องฝ่าฟันดงกระสุนให้ได้ เพราะเชื่อว่าสถานการณ์วันนี้ยังไงดงกระสุนยังนำ

ส่วนสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาล หลังผลการเลือกตั้งจบ ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองฯ มองหากภูมิใจได้ก็เสมอตัว เพราะเป็นพื้นที่ของ สส.เดิม แต่หากกล้าธรรมคว้าชัยจะทำให้มีความมั่นใจในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะการตัดพรรคภูมิใจไทยออก และทำให้เห็นว่ารัศมีกล้าธรรมเท่ากับภูมิใจไทย พร้อมย้ำความมั่นใจว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมสนามนี้จะส่งผลต่อการปรับ ครม.อย่างแน่นอน

ไพ่อีกใบ วัดพลังนายใหญ่

ผลศึกเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองฯชี้ว่า ไม่ใช่การวัดพลังระดับพรรค Fighting Brand ธรรมดา แต่เป็นการวัดพลังนายใหญ่ด้วย ฉะนั้น หากสามารถเซาะกร่อนทําลายภูมิใจไทยได้ คนได้ประโยชน์ที่สุดคือนายใหญ่ เพราะทำให้การบริหารอำนาจมีความมั่นใจและง่ายขึ้น รวมถึงจะเป็นเครื่องมือการแข่งขันทางการเมืองที่หลากหลายมากขึ้น เดิมใช้พรรคเพื่อไทย เพียงอย่างเดียว แต่วันนี้จะสามารถใช้พรรคพันธมิตรออกไปต่อสู่ในพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยยังบุกไม่ได้

ธนพรอธิบายเพิ่มเติมว่า สถานการณ์การเมืองของ Fighting Brand วันนี้เป็นพื้นที่ของนักการเมืองหน้าใหม่ที่อยากอัพเกรดตัวเอง จากการเมืองท้องถิ่นสู่การเมืองใหญ่ เพราะที่ผ่านมาอาจถูกกีดกันจากเบอร์ใหญ่หน้าเก่าในพรรค ที่มักมีบ้านใหญ่ โดยเจ๊หรือเฮียต่าง ๆ คุมอยู่ แต่การแข่งของ Fighting Brand จะทำให้คนรุ่นใหม่สามารถไหลไปในพื้นที่โอกาสทางการเมืองอื่น ๆ ได้ ที่ไม่ใช่เฉพาะค่ายบางพรรคเพียงอย่างเดียว

เปิด 3 ตัวเต็ง ปัจจัยชี้ขาด เข้าเส้นชัย

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นการชิงเก้าอี้แค่ สส. ตำแหน่งเดียว แต่เป็นศึกศักดิ์ศรี ที่อย่างน้อย 3 คนต้องกอบกู้

“เต็ง 1 เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย” ถือว่าแชมป์เก่า แพ้ไม่ได้ แม้ว่าจะถูก “จับใบแดง-ทุจริตเลือกตั้ง” เป็นเหตุให้ต้องเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ เบอร์ 1 ไสว เลื่องสีนิล จึงต้องปกปักรักษา 1 เก้าอี้ให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่ลั่นวาจา-ตัวเลข 71 เสียง ในสภาผู้แทนฯ ค้ำบัลลังก์นายกรัฐมนตรี 2 คน

“เต็ง 2 พรรคกล้าธรรม เบอร์ 5” ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ที่ถือว่าเป็นเดิมพันใหญ่ให้กับ ธรรมนัส-นฤมล ผู้มีบารในพรรค ถึงกับประกาศตำแหน่ง “ผู้จัดการรัฐบาล” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อชิง 1 เก้าอี้ไปกำนัลให้กับฝ่ายรัฐบาล ข่าวสะพัดในพื้นที่ จึงต้องมีถึงหูคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปัจจัยชัยชนะชี้ขาด หากพรรคสีฟ้า ซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกันยอมยกธง ส่งคะแนนมาเสริมกำลังก็อาจจะกำชัย

“เต็ง 3 เบอร์ 3 พรรคประชาชน” ณัฐกิตติ์ อยู่ด้วง ปรีชา ครั้งนี้หวังคะแนนออร์แกนิกล้วน ๆ เปิดปราศรัย 48 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนวันลงคะแนน ขนขุนพลระดับประเทศปูพรม เจาะทั่วตลาด เคาะทุกประตูบ้าน จัดปราศรัยจุดใหญ่ ๆ โดยไม่จ่ายราคาค่างวด อาจมีลุ้นเป็นตัวสอดแทรก

ทั้งนี้ การเลือกตั้งซ่อมวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 มีผู้สมัคร ดังนี้

เบอร์ 1 ไสว เลื่องสีนิล พรรคภูมิใจไทย              

เบอร์ 2 ชินวรณ์ บุณยเกียรติ พรรคประชาธิปัตย์

เบอร์ 3 ณัฐกิตติ์ อยู่ด้วง ปรีชา พรรคประชาชน

เบอร์ 4 ว่าที่พันตรี กวี ไกรทอง พรรคพร้อม                 

เบอร์ 5 ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ พรรคกล้าธรรม              

เบอร์ 6 พิษณุ รสมาลี พรรคทางเลือกใหม่  

สำหรับผลการเลือกตั้ง ผลคะแนนการเลือกตั้ง สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 8 เมื่อปี 2566 อันดับที่ 1 ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ได้ 23,393 คะแนน, ผู้สมัครพรรคก้าวไกล ปรีชานนท์ สรรพจิตต์ ได้ 11,587 คะแนน และผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ลูกสาวชินวรณ์ ได้ 10,529 คะแนน จากผลคะแนนเลือกตั้ง รวม 82,858 คะแนน