ผู้กองธรรมนัส บุกไม่หยุด กวาด สส. เข้ากล้าธรรม ขึ้นชั้น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’

เสียงของคนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้จัดการรัฐบาล” ไม่ได้ยินในกระดานการเมืองมานาน ปรากฏตัวขึ้นจากสถานะ ที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เบ่งยอด สส.จาก 26 คน อาจทะลุ 30 ในช่วงเปิดสภาสมัยหน้า ผงาดขึ้นเป็นพรรคอันดับ 3 ในรัฐบาลเพื่อไทย

เพราะเดิมพันการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช เพียง 1 เสียง มีความหมายทะลุถึงทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม-ทำสำเร็จ

ชัยชนะ 1 เสียง ดันเครดิตของ “ผู้กองธรรมนัส” ที่ประกาศบนเวทีหาเสียงว่า เขาคือ “ผู้จัดการรัฐบาล” ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

แม้ ร.อ.ธรรมมนัสจะอ้างอิงว่า เขาเป็นผู้จัดการรัฐบาลในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตาม กระนั้น บทบาท-อำนาจ-หน้าที่ และการเคลื่อนตัวทางการเมืองของ “ผู้กองธรรมนัส” ในบริบทปัจจุบัน เขามักถูกเพื่อนนักการเมืองเรียกขานอย่างให้ท้ายว่า เป็นผู้จัดการรัฐบาลแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า

หลังชัยชนะ ได้ สส.เข้าสภา ยิ่งทำให้ผู้กองกล้าประกาศว่า “…วันนี้เราถือว่า เราปักธงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 8 แล้ว การชนะเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะขยายพื้นที่อย่างไรใน 14 จังหวัดภาคใต้…”

ผู้กองธรรมนัสไม่หยุดแค่จังหวัดภาคใต้ ล่าสุดมี สส.แสดงความจำนงย้ายเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม อีกหลายราย 1 ในนั้นคือ “กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์” สส.พรรคประชาชน จ.ชลบุรี เขต 6 พรรค และอาจจะมี สส.พรรคประชาชน เขตอื่น ๆ ขยับตัวตาม สส.กฤษฏิ์

ADVERTISMENT

ข่าวที่เคยสะพัด จะกวาด สส.พลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าร่วมรัฐบาลทั้งพรรค เริ่มเห็นรูปธรรม

ขณะเดียวกันในจังหวะที่ร้อนแรงนี้ มีบุคคลระดับรัฐมนตรี ที่อาจจะย้ายเข้าร่วมทีมกับผู้กองธรรมนัส สะพัดหนักเชื่อมโยงกับ สส.พรรคประชาชน ในเขตชลบุรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รายงานข่าวระบุชื่อ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ก็มีแนวโน้มขยับตัว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีคนติดต่อย้ายพรรคมาอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งต้องค่อย ๆ คุยกันไป โดยมีมาทั้งแบบกลุ่มและตัวบุคคล น่าจะเกิน 10 คน

หากนับรวม สส.พรรคกล้าธรรม ที่มีอยู่เดิม 26 เสียง รวมกับแนวโน้มที่จะเข้ามาเพิ่ม ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้อีกในจำนวนที่ หัวหน้าพรรคระบุ ตัวเลข สส.พรรคกล้าธรรม อาจผงาดขึ้นเป็นพรรค อันดับ 3 ในฝ่ายรัฐบาล

ผู้กองธรรมนัส อดีตผู้จัดการรัฐบาล ยุค พล.อ.ประยุทธ์

ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ผู้กองธรรมนัส” เคลื่อนเกมการเมืองแหลมคม หวังล้มผู้มีอำนาจ-ช่วงชิงเกมหลังโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

แต่แล้วไม่ทันข้ามคืน ปรากฏข่าวในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2564 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ประกาศดังกล่าว ถูกนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ในเวลานั้นเฉลยว่า “เป็นการปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากในตัวพระบรมราชโองการได้มีการอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 บัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคําแนะนํา ซึ่งวันที่มีผลบังคับจริงคือวันที่ระบุในพระบรมราชโองการ นั่นหมายถึง ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 8 ก.ย. 2564”

บทบาทใหม่ “ผู้กองธรรมนัส”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทำผลงานการเมืองให้กับรัฐบาลในหลายจังหวะ ล่าสุด นำทัพชิง สส. เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช ได้ด้วยการปักหลักลงพื้นที่ ปราศรัยใหญ่ในหลายเวที เฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนวันลงคะแนน “ผู้กองธรรมนัส” ปราศรัยแบบจัดหนัก ตอนหนึ่งว่า

“จังหวัดนครศรีธรรมราชมี สส. 10 คน แต่ทำไมไม่มีรัฐมนตรีสักคน ทั้งที่จังหวัดนี้คือเมืองหลวงของชาวใต้ เราต้องคิดแล้วอันนี้ เป็นศักดิ์ศรีของคนนครศรีฯ ใช่หรือไม่ การเลือกคนไปเป็น สส. ต้องเป็นขี้ข้าประชาชน ไม่ใช่เจ้าคนนายคน ก่อนหาเสียงก้มกราบชาวบ้าน พอได้เป็นแล้วก็ต้องก้มกราบเหมือนเดิม”

“…ผมเป็นผู้จัดการรัฐบาลที่แล้ว เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และถ้าท่านได้เป็นนายกฯ ต้องทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับความสุข ขออย่างเดียวการเป็นนักการเมืองขอให้คนในพื้นที่รัก ประชาชนมีความสุข…”

คุณสมบัติขุนพลการเมือง-ผู้จัดการรัฐบาลระดับตำนาน

ในอดีต นักการเมืองที่เคยถูกกล่าวขาน และเป็นที่ยอมรับของบรรดาสื่อมวลชน และนักการเมืองด้วยกัน ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติ ข้อแรก ๆ คือ เป็นคนที่มีบารมี มากคอนเน็กชั่น กับทุกชนชั้น ทุกขั้ว ทุกฝ่าย

คุณสมบัติสำคัญของคนที่เป็นผู้จัดการรัฐบาล ที่ขาดไม่ได้คือ ต้องมีจำนวน สส.ในมือ ควบตำแหน่งเลขาธิการพรรคใหญ่ ระดับแกนนำรัฐบาล และมักจะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เจ้าของ รหัส มท.1

บุคคลที่เคยถูกเรียกขาน เป็นผู้จัดการรัฐบาล อาทิ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร, พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์, นายบรรหาร ศิลปอาชา, นายเสนาะ เทียนทอง, นายวัฒนา อัศวเหม และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

งานเขียนของ อาจารย์วิษณุ เครืองาม เคยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า นักการเมืองกลุ่มนี้ มีลักษณะบุคลิก และการเคลื่อนไหวในการทำหน้าที่ สร้างอำนาจบทบาท ในสนามการเมืองหลากหลาย มีคุณสมบัติโดดเด่น ดังนี้

  • มีอำนาจในการประสานงาน บริหารจัดการในการจัดตั้งรัฐบาล
  • มีบารมีในการเป็นลมใต้ปีกให้กับนายกรัฐมนตรี หรือบางทีเรียกว่า “นักปั้นนายกฯ”
  • จัดระบบโควตารัฐมนตรี วิปรัฐบาล กรรมาธิการ
  • มีจำนวน สส.ในกลุ่มก้อนตัวเองระดับ 30 คนเป็นอย่างน้อย หากเป็นพรรคแกนนำ
  • หลังจากจัดตั้งรัฐบาล ยังคงทำหน้าที่ประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล เจรจากับฝ่ายค้าน
  • มีคอนเน็กชั่นกับสื่อมวลชน ทั้งแพลตฟอร์มโทรทัศน์-เว็บไซต์-หนังสือพิมพ์ ในระดับภาคสนามและคอลัมนิสต์
  • มีคอนเน็กชั่นเชื่อมโยงกับเครือข่ายชนชั้นนำ-ชนชั้นปกครอง-ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ
  • เป็นผู้มีบทบาทในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล

ผู้จัดการรัฐบาลเพื่อไทย

ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลจะเห็นภาพ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปรากฏตัวเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” แม้ว่าจะไม่มีจำนวน สส.ในมือเป็นกอบเป็นกำ แต่ได้รับมอบหมายจากผู้มีบารมีในพรรคเพื่อไทย ในการยื่นข้อเสนอ-เจรจากับนักการเมืองพรรคต่าง ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็มีนักการเมืองขาใหญ่รายอื่น ๆ ปรากฏตัวเคียงคู่ อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงฝีมือของ ‘บ้านใหญ่เทียนทอง’ ในการทำให้พรรคเพื่อไทย กลับมาเป็นปึกแผ่นยิ่งใหญ่เหมือนอดีต ว่า เขาจะทำเต็มที่ แม้ฐานการเมืองในจังหวัดสระแก้ว จะเป็นน้องเล็ก แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค จะพยายามเป็นโซ่ข้อกลางให้ทุก ๆ บ้าน ทุก ๆ จังหวัด

นักการเมืองหลายรายเคยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเลขาธิการพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาล ถึงไม่ได้แสดงบทบาท “ผู้จัดการรัฐบาล” นายสรวงศ์ ตอบคำถามนี้ผ่านสื่อมวลชนครั้งหนึ่งว่า “ผมเป็น (ผู้จัดการรัฐบาล) นะ เป็นเป็น ทำไมจะไม่เป็น ผมก็เป็นอยู่นะ แต่ไม่ได้ออกสื่อเท่านั้นเอง”

แม้ว่าทั้งนายภูมิธรรม และนายสรวงศ์ มักจะได้ทำหน้าที่ในการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล แต่คุณสมบัติที่แท้แบบผู้จัดการรัฐบาลในอดีต นับว่ายังห่างไกล อย่างน้อยก็ขาดคุณสมบัติในข้อที่ว่า ไม่ได้ครอบครอง-ครอบคลุม-เกาะกุมจิตใจ-เป็นหัวจ่าย ให้กับ สส. เป็นก๊กเป็นเหล่า แบบในอดีต

การประกาศตัวเสียงดัง ของผู้กองธรรมมนัส ว่าเขาเป็นผู้จัดการรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสภาพความจริง ที่เห็นในปัจจุบัน เขาทั้งกล้าทำ-กล้าเคลื่อน ในการสั่งสมบารมี ผงาดขึ้นเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ตัวจริง-เสียงจริง ในอนาคต

ความปรากฏในการนำทัพเลือกตั้งภาคใต้ นั่นย่อมเป็นปัจจัยเสริมให้คุณสมบัติ “ผู้กองธรรมนัส” โดดเด่นยิ่งขึ้น