พรรคประชาชน ลงโทษ ดอง สส.กฤษดิ์ ไม่ขับออกสมาชิก ไปซบกล้าธรรม

พรรคประชาชน

พรรคประชาชน แถลงโต้ กฤษดิ์ ทุกประเด็น พร้อมลงโทษดองงูเห่า ไม่ขับออกจากสมาชิกพรรค ทำให้ย้ายซบพรรคกล้าธรรมไม่ได้  

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายสหัสวัส คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน และสส.ของพรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวกรณี นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ประกาศแยกทางกับพรรคประชาชน เตรียมย้ายซบพรรคกล้าธรรม

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากเหตุผลที่น.ส.กฤษดิ์แถลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความไม่พึงพอใจส่วนตัว ไม่ได้เป็นเรื่องของปัญหาอุปสรรคในการทำงาน เหตุผลที่พวกเราคิดว่าฟังไม่ขึ้น  โดยพรรคจะดำเนินทุกมาตรการที่จะคืนความเป็นให้กับประชาชน เขต6 โดยหนังสือที่น.ส.กฤษดิ์ ยื่นมาให้กับตนและกรรมการบริหารพรรคได้แจ้งขอยุติบทบาทด้วยการออกจากการเป็นสมาชิกพรรค  ซึ่งเชื่อว่าทุกคนน่าจะสรุปตรงกันว่าเขาไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป เพราะเขาไม่มีอำนาจใดที่จะบังคับ ให้กก.บห. และสส.พรรค ขับออก เพราะมีเงื่อนไขเดียวคือต้องกระทำความผิด ทางวินัย

ดังนั้น ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง และข้อบังคับของพรรคเรามีความเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการลาออกจากสมาชิกพรรค แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย พรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ตีความ ว่าหนังสือดังกล่าวถือเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการและรอหน่วยงานออกคำชี้แจง และหากผลตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พรรคก็จะมีมาตรการลงโทษคือไม่มีมติขับออก ทำให้เขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือการย้ายไปยังพรรคการเมืองอื่น

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงว่า นอกจากนี้ในวันที่ 18 พ.ค.นี้  ตนจะลงพื้นที่พร้อมกับนายสหัสวัต และ สส ชลบุรีของพรรคทุกเขต เพื่อยืนยันกับประชาชนว่า พวกเราพร้อมที่จะเดินหน้ารับใช้ประชาชน  และยังมอบหมายให้นายสหัสวัตเป็นตัวแทนของพรรคเข้าไปดูแลพื้นที่เขต 6 ต่อจากนี้

ADVERTISMENT

ด้านนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เมื่อได้รับฟังถึงเหตุผลที่นางสาวกฤษฎิ์แถลงเมื่อเช้านี้  ขอชี้แจงเป็นรายประเด็น ดังนี้ คือ 1.เรื่องการแก้ปัญหาการทำงานในพื้นที่ ที่ไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคสักบาทเดียวในการทำกิจกรรม เราต้องยืนยันว่า ทางพรรคได้มีการสนับสนุนนางสาวกฤษฎิ์ในการทำงานพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายเอง ก็เคยอนุมัติงบประมาณจากส่วนกลาง ให้นางสาวกฤษฎิ์ไปจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่อำเภอศรีราชา ตามที่ได้ขอ

2.ข้อกล่าวหาเรื่องการทำงานในคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ได้รับการสนับสนุน  เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้นั่งในคณะกรรมาธิการสามัญในอันดับ 1 ที่ตนเองอยากได้ เนื่องจากต้องมีการจัดสรร และนางสาวกฤษฎิ์นั้น เป็นหนึ่งใน สส.ไม่กี่คน ที่ได้นั่งในคณะกรรมาธิการสามัญอันดับ 1 ที่ตนเองเลือกมา เนื่องจากพรรคเห็นว่า ในพื้นที่ของนางสาวกฤษฎิ์ มีท่าเรือแหลมฉบังอยู่ และพรรคก็คิดว่านางสาวกฤษฎิ์มีประเด็นที่น่าจะเข้าไปขับเคลื่อนในคณะกรรมาธิการได้ ไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด

3.ข้อกล่าวหา เรื่องการไม่ได้รับความเคารพในสถานะทางเพศ ต้องยืนยันว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน นี่เป็นค่านิยมหลัก ที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือการโอบรับความหลากหลายทางเพศ ความหลากหลายทางความเชื่อทุกรูปแบบ และขอยืนยันว่า ไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศ หากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะถือว่าเป็นการผิดวินัย เพราะว่าเป็นการไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก และคุณค่าหลักที่พรรคยึดถือ

4.เรื่องเหตุการณ์การปรึกษาหารือ 2 นาที ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตนยอมรับว่า มีการไปพูดคุยกับนางสาวกฤษฎิ์หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่เราพูดคุยกัน ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา และไม่ใช่เรื่องความไม่พอใจ แต่สิ่งที่เพื่อนไม่พอใจคือ เวลาก่อนเปิดประชุมนั้น ควรจะเป็นเวลาที่สะท้อนปัญหาของส่วนรวม หรือประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัว ว่าเขาเองต้องการที่จะทำอะไร หรือต้องการที่จะไปไหน

แต่อย่างไรก็ตาม พรรคยืนยันว่า สิ่งที่นางสาวกฤษฎิ์หารือไป ไม่ได้เป็นความผิด และพรรคไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใดๆ ต่อ หลังจากเหตุการณ์นั้นเลย เพราะถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ว่าการพูดการหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวมาพูด ไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น ย้ำว่า ไม่ได้มีการลงโทษ และไม่ได้มีการคว่ำบาตรใดๆ ทั้งสิ้น

5.กรณีที่นางสาวกฤษฎิ์ ระบุ พรรคประชาชนได้มีการเตรียมคนมาลงสมัครแทน ยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายในการหาคนมาลงสมัครแทน เพราะการจะส่งใครลงสมัคร สส.ต่อหรือไม่นั้น พรรคมีกระบวนการ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยได้มีการสื่อสารกับ สส.ทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ ในการหาผู้สมัครมาแทน สส.คนใดก็ตาม ที่เป็น สส.ปัจจุบัน ไม่มี เรายืนยันว่า ยังไม่ได้มีกระบวนการคัดสรรตรงนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน แถลงถึงกรณีที่ประกาศแยกทางกับพรรคประชาชน เตรียมย้ายซบพรรคกล้าธรรม  ว่าตนลำบากใจที่จะมาขอยุติบทบาทกับพรรคประชาชน  เพราะไม่อยากทำงานร่วมกับพรรคอื่นแล้วสังกัดอยู่ในพรรคเดิม อย่างนั้นคือ “งูเห่า” ชัดเจน ที่ทำงานกับพรรคเดิมไม่ได้เพราะอุดมการณ์และแนวทางกาาทำงานต่างกัน ตนกล้าที่จะออกมาพูดว่าขอให้พรรคขับตนเองออก เนื่องจากได้ยื่นหนังสือให้กับพรรคตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว

น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า ตนเป็นสส.เขตเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ การแก้ปัญหาในพื้นที่ การผลักดันเรื่องที่เป็นปัญหาในพื้นที่เข้าสู่พรรค แต่ก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควร ทำให้ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคได้ มีการพูดไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพในสถานะทางเพศมีการปล่อยข่าวเรื่อยๆ ว่าตนเป็นงูเห่า ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของพรรค ทั้งการยุบพรรค หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ประชาชนในเขตต้องโทรมาหาทุกครั้งว่าตนเป็นอย่างนั้นหรือไม่  แต่เวลาก็พิสูจน์แล้วว่าตนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตนเองเสียใจที่ต้องมายุติบทบาทในวันนี้

ส่วนที่ว่าทำไมถึงไม่ลาออก เพราะการลาออกจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ต้องเลือกตั้งใหม่ หรือต้องทำเพื่อความสะใจเพื่อ ทำให้ตนเองเท่ แต่มันไร้สาระ เพราะต้องการทำหน้าที่สส.ตามที่ประชาชนคาดหวัง ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหากับตน ขอให้ลองไปสอบถามคนที่ติดตามการทำงานของตนดูว่าเป็นอย่างไร

น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นแตกหัก นอกจากปัญหาการทำงานในส่วนจังหวัดที่มีปัญหามาโดยตลอดแล้ว ยังมีเรื่องร้องเรียนที่ร้องเรียนไปที่พรรค แต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการและขั้นตอน การทำงานในสภาฯ การยื่นประเด็นไม่ได้รับการตอบรับให้ตั้งเป็นประเด็นในคณะกรรมาธิการ สุดท้ายที่เป็นประเด็นแตกหักคือการที่ตนอภิปรายขอบคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำบนเกาะสีชัง

ทั้งนี้ได้ขออนุญาตเป็นตัวแทนราษฎรในการเข้าเฝ้า และขอให้กระทรวงมหาดไทยทำงบประมาณเพื่อวางท่อประปาต่อน้ำจากเกาะสีชังเพื่อไปยังอ่างเก็บน้ำ แต่เมื่อตนหารือจบก็มีสส.ท่านหนึ่งมาต่อว่าว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พูดเช่นนี้ ตนจึงยืนยันว่าเหมาะสม  เรื่องนี้เป็นผลกระทบกับตนตลอดมา พรรคมีการต่อว่าเนื่องจากเป็นเพื่อน สส.ส่วนมากไม่พอใจกับการที่ตนหารือในวันนั้น เพื่อนสส.ไม่กล้าคุยด้วยนาน ๆ  เพราะกลัวว่าจะเป็นการวางตัวไม่เหมาะสม กลัวพรรคไม่ส่งลงสมัครในครั้งต่อไป และยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่อยากอธิบาย

หลังจากนั้นพรรคได้เรียกตนไปคุยว่าจะมีการแก้ไขเรื่องต่างๆ ตนจึงบอกว่าการแก้ไขไม่ได้ช่วยอะไรเพราะเลยเวลาที่จะแก้ไปแล้ว จึงเรียกร้องให้พรรคขับตนเองออกเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ปวงชน จะได้ไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนชาวศรีราชาอย่างที่ตั้งใจไว้อย่างแท้จริง

น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวถึงประเด็นที่เลือกพรรคกล้าธรรม โดยระบุว่าตนได้ประสานงานกับรัฐมนตรีหลายคน ในการทำงานในพื้นที่ ซึ่งได้รับการตอบรับจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งประชาชนที่ชลบุรีมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญในการเปิดอ่างเก็บน้ำ การจะเลือกพรรคไหนต้องเลือกพรรคที่สนับสนุนการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับการร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมนั้น

วันนี้จะไปขอใบสมัครพรรคกล้าธรรมไว้ก่อน เพื่อรอการขับออกจากพรรคประชาชน ส่วนกระแสข่าวที่มีการเสนอเงิน 55 ล้านบาท เงินเดือน 250,000 บาทและรถตู้หรูนั้น ขอให้ไปถามคนที่พูดออกมา พร้อมยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีการเสนอให้ร่วมงานกับพรรค ย้ำว่าตนเองใช้เวลานานในการตัดสินใจ

ส่วนเรื่องการถามความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะออกจากพรรคประชาชน แต่เป็นเหตุด่วน จึงไม่ได้มีการสอบถามความเห็นประชาชน แต่อยากบอกว่ามันมีเหตุจะต้องออก

น.ส.กฤษฎิ์  ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องอุดมการณ์การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยระบุว่าไม่อยากพูดถึง เพราะไม่ได้มุ่งไปในประเด็นนี้  ส่วนการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการจบชีวิตทางการเมืองหรือไม่ ความจริงตั้งใจจะลาออก แต่เมื่อดูสถานการณ์หลายอย่าง ไม่รู้ว่าจะยุบสภาในวันสองวันนี้หรือไม่ ก็ไม่รู้ว่าจะลาออกให้เสียงบเลือกตั้งใหม่ทำไม  ซึ่งก็ยังยืนยันว่าตอนนี้จะทำงานให้พี่น้องประชาชน ส่วนการเลือกตั้งสมัยหน้า เดี๋ยวเอาไว้ว่ากัน