นายกฯ มั่นใจ ทีมไทยพร้อม หลังสหรัฐตอบรับดี มั่นใจมาถูกทางตามกรอบเจรจา

นายกฯ มั่นใจ “ทีมไทยแลนด์” พร้อม หลังสัญญาณสหรัฐตอบรับดีเยี่ยม รมว.คลังสหรัฐชื่นชมไทยริเริ่มข้อเสนอน่าประทับใจในการเจรจา มั่นใจเราเดินมาถูกทางแล้ว ในการวางกรอบการเจรจาในเวลาที่เหมาะสม เชื่อการเจรจาจะเป็นผลดีกับประเทศ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนการเดินทางไปประชุมที่เวียดนามเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเจรจากำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาพิจารณาข้อมูลที่เตรียมการไว้ รวมทั้งให้ติดตามสาระสำคัญที่พูดถึงการเจรจาของแต่ละประเทศในเวทีการประชุมการลงทุน ซาอุดีฯ-สหรัฐ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่านายสกอตต์ เบสเซนต์ (Mr. Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงหลายประเทศในยุโรปและเอเชียที่ได้มีการส่งข้อเสนอเพื่อขอเจรจากับสหรัฐ ซึ่งการเจรจากับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศในเอเชียเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิผล

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐได้กล่าวถึงประเทศไทยว่า การพูดคุยกับประเทศไทยนั้น “ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี” พร้อมชื่นชมว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้นำเสนอแนวคิดริเริ่มที่โดดเด่น ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐยังย้ำว่า การเจรจาการค้าที่มีพัฒนาการร่วมกับญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน พร้อมชื่นชมไทย ต่อการริเริ่มข้อเสนอที่น่าประทับใจ ซึ่งคาดว่าน่าจะนำไปสู่การเจรจาที่มีประสิทธิผล

“นับเป็นสัญญาณบวกของประเทศไทยจากการทำงานอย่างต่อเนื่องของทีมไทยแลนด์ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่กำหนดยุทธศาสตร์การเจรจากับสหรัฐ ที่ให้เน้นความรอบคอบ ครบถ้วน และจังหวะเวลาที่ถูก เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนการค้า ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ ควบคู่กับการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ทันสมัย แข่งขันได้ และเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลกมากขึ้น“

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า การทำงานของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร เตรียมการมาตั้งแต่ต้นปี ก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะเข้าสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อประสานและผลักดันการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์

โดยนายกรัฐมนตรีได้ติดตามทุกประเด็นในการเตรียมความพร้อม และให้ทีมศึกษาข้อเสนอแนะของประเทศต่าง ๆ รวมไปถึงการหารือระหว่างสหรัฐกับ ประเทศต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้วางกรอบการเจรจา 5 แนวทาง

ADVERTISMENT

1) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตร โดยวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าสินค้าใดที่ไทยขาดแคลนวัตถุดิบ และสามารถนำเข้ามาเติมเต็มห่วงโซ่การผลิตได้ในลักษณะ Win-Win

2) การทบทวนภาษีนำเข้าของสินค้าปัจจุบัน โดยรัฐบาลจะพิจารณาการผ่อนคลายเงื่อนไขบางประการ และบริหารโควตาให้เหมาะสม โดยต้องไม่กระทบกับภาคการผลิตในประเทศ

3) การปรับปรุงกลไกภายในประเทศ เพื่อลดความซ้ำซ้อนทางกฎระเบียบและขั้นตอนนำเข้าสินค้า โดยมุ่งแก้ไขอุปสรรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษี (Nontariff Barriers) พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพระบบภายในประเทศ ลดภาระของผู้ประกอบการ และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและนวัตกรรม

4) ใช้มาตรการคัดกรองสินค้านำเข้าอย่างรอบคอบ ตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวด และดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่สามใช้ไทยเป็นฐานหลีกเลี่ยงมาตรการทางภาษีจากสหรัฐ

5) ปรับโครงสร้างการลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีที่ไทยเริ่มขาดแคลนวัตถุดิบและทรัพยากร และส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนในสหรัฐมากขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะทีมที่ปรึกษา รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งภาคเอกชน สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้หารือพูดคุยเพื่อให้ไทยมีข้อเสนอที่ดีที่สุด และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ซึ่งการที่ใช้จังหวะเวลาและข้อมูลที่เหมาะสม จะทำให้การเจรจาเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมของประเทศไทยในการส่งออกทุกประเภทอย่างแน่นอน