
สุดาวรรณ ชี้งบ กระทรวงวัฒนธรรม ปี 69 ไม่ใช่แค่ใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า นำเอาทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเศรษฐกิจ เผยแนวทางผลักดันมรดกโลก ทั้งอาหาร ภาพยนตร์ สินค้าไทย การท่องเที่ยว
ที่รัฐสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4
ต่อมา เวลา 11.15 น. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชี้แจงงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรม ว่า เรื่องงานมหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และเจรจาธุรกิจ งานนี้จัดขึ้นต่อเนื่องจากงานพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และในการจับคู่เจรจาธุรกิจผู้ประกอบการในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท ทางกระทรวงฯจะได้นำเอาข้อห่วงใย และข้อเสนอแนะของสมาชิกไปปรับปรุง ซึ่งสำหรับการจัดทำงบปี 69 นี้ ได้ดำเนินอยู่ในหลักการที่ชัดเจนว่าต้องคุ้มค่า โปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเป็นการนำเอาทุนวัฒนธรรมไปสู่การพัฒนาต่อยอด ชุมชนสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน เราจะเอาทุนทางวัฒนธรรมไปเป็นทุนทางเศรษฐกิจ
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า แนวทางหลักมี 4 ด้าน ประกอบด้วย ผลักดันเอามรดกทางวัฒนธรรมไทยไปสู่สากล มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ในปัจจุบันนี้ของประเทศไทยมีอยู่ 5 แห่ง ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ทั้งจังหวัดสุโขทัย พระนครศรีอยุธยา แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เมืองโบราณศรีเทพ และล่าสุดที่ภูพระบาท ทั้งนี้ยังมีอีก 5 แหล่งที่ยังรอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอยู่
นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของแหล่งแล้ว ยังทำให้เป็นที่รู้จักส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จทางเศรษฐกิจ และการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม สำหรับมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนไปแล้วถึง 6 รายการในปัจจุบัน คือ โขน นวดไทย โนรา สงกรานต์ และปลายปีที่แล้วเราได้ขึ้นทะเบียน ต้มยำกุ้ง และ เคบาย่า โดยยังมีรอขึ้นทะเบียนอีก 4 รายการ ซึ่งจะทำให้เกิดการอนุรักษ์สืบสานคุ้มครองสิทธิ และสามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า อีกแนวทางคือการส่งเสริมคุณวัฒนธรรมสู่การสร้างคุณค่าและมูลค่า ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการจัดการท่องเที่ยวโบราณสถานยามราตรี ที่พระนครศรีอยุธยา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากนำร่องไปได้เพียง 3 เดือน ทั้งผู้ประกอบการและประชาชนได้ทำจดหมายถึงกระทรวงวัฒนธรรมให้ขอขยายเวลา
และในปีนี้ได้มีการจัดการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืนที่ปราสาทหินพิมาย และในอนาคตคาดหวังว่าจะมีการจัดกิจกรรมเช่นนี้ทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าที่จังหวัดสุโขทัย หรือจังหวัดเชียงใหม่ให้ลำดับต่อไปนอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการจัดทำเส้นทางใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง รวมถึงการจัดมหกรรมศิลปะนานาชาติร่วมสมัย หรือ Thailand Biannale ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและเพิ่มการจ้างงานได้ ซึ่งจัดมาแล้ว 3 ครั้ง สำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยได้ของบประมาณเพื่อจัดทำอีกในครั้งที่ 4 ที่จังหวัดภูเก็ตในปลายปีนี้
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า สำหรับประเพณีสำคัญ เราได้สนับสนุน ผลักดันให้ประเพณีสำคัญของไทย ทั้งลอยกระทง สงกรานต์ เข้าพรรษา ให้เป็นประเพณีที่สามารถสร้างสีสันให้กับประเทศได้ ขณะที่อาหารไทยก็เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ นอกจากการผลักดันต้มยำกุ้งให้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้น ยังมีโครงการ The Lost Taste รสชาติที่หายไป
ซึ่งเราต้องการให้ทุกจังหวัดที่มีอาหารประจำถิ่นซึ่งกำลังจะเลือนหายไป ได้รักษาและเก็บไว้เพื่อนำมาสู่สายตาของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร แนวทางการส่งเสริมการนำเอาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผ่านภาพยนตร์ ละครและซีรี่ส์ ก็เป็นอีกแนวทางในการ สร้างสรรค์เศรษฐกิจที่ดำเนินการภายใต้นโยบาย Soft Power กระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์ ทั้งก่อนและหลังการถ่ายทำ
“ทุกท่านอาจจะทราบข่าวดีแล้วว่า ภาพยนตร์เรื่อง ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ ได้มีการฉายและรับรางวัลที่เมืองคาน ครั้งล่าสุด ก็เป็นอีกภาพยนตร์ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุน ทั้งช่วงก่อนและหลังการถ่ายทำ ให้สามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงของประเทศไทยได้อย่างมาก ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่ากระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้ทำหน้าที่แค่อนุรักษ์ แต่มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมไทย ให้กลายเป็นพลังของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมที่ยั่งยืน และบทบาทในเวทีโลก”น.ส.สุดาวรรณกล่าว