จับตา ครม.เคาะแนวทางถกปมไทย-กัมพูชา ไฟเขียวงบปั๊มท่องเที่ยว ท่าทีปรับทัพรัฐบาล

นายกฯ นำถก ครม.จับตาเคาะแนวทางก่อนเจรจา JBC ปมชายแดนไทย-กัมพูชา 14 มิ.ย. ก.การท่องเที่ยวฯ ชงของบฯ กระตุ้นท่องเที่ยว ดัน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” คมนาคมขอปรับเงินลงทุนโครงการรถไฟสีแดง จับตาท่าทีปรับ ครม.หลังการเมืองส่อระอุ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวทางการเจรจาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้

นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญในการพิจารณา อาทิ

กระทรวงการคลัง เสนอร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับใหม่) เพื่อรองรับ “หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์” เพิ่มหมวดใหม่ 11 มาตรา และบทลงโทษ พร้อมขออนุมัติการโอนสินทรัพย์กองทุน FIDF1 และ FIDF3 เพื่อชำระหนี้

กระทรวงการคลัง เสนอร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์) และร่างพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตควบคุมศุลกากร

กระทรวงคมนาคม ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุน และจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติม เพื่อรองรับสําหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน, พร้อมขออนุมัติปรับเพิ่มสวัสดิการพิเศษให้เจ้าหน้าที่ รฟท. ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนใต้ และเสนอแผนบริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอแผนโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวรวมวงเงิน 3,310 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 1,760 ล้านบาท 2.โครงการทำการตลาดท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในการเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยว 750 ล้านบาท และ 3.โครงการกระตุ้นตลาดต่างประเทศ โดยสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนและตลาดอื่น ๆ บินเข้าไทย 800 ล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ อาจจะเตรียมเสนอขออนุมัติหลักการในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula 1 (F1) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

กระทรวงเกษตรฯ ขอใช้งบฯ กลางช่วยเหลือเกษตรกรประสบอุทกภัย ปี 2567 และขอผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี จ.น่าน

กระทรวงกลาโหม เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม

กระทรวงมหาดไทย ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบฯ กลาง รายการเงินสํารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อดําเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สําหรับค่าไฟฟ้าประจําเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ เป็นกองบังคับการ หรือส่วนราชการ หรือหน่วยงานอย่างอื่น หรือในระดับต่ำลงไป ในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรณีการจัดตั้งสถานีตํารวจทางหลวง 3 และสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกํากับการ 8 กองบังคับการตํารวจทางหลวง และส่วนงานความเห็นทางคดีอาญา ในสังกัดกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง

กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอรายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจําปี พ.ศ. ๒๕๖๗
(Corruption Perceptions Index : CPI 2024) และรายงานผลการขับเคลื่อนการยกระดับ ค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

รวมถึงต้องจับตาว่านายกรัฐมนตรีจะมีการหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเดือน มิ.ย.นี้หรือไม่ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนนายกฯ ยอมรับว่ามีแนวคิดและกำลังประเมินเรื่องการปรับ ครม. แต่ทว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าภูมิใจไทยขอคงโควตาเดิมและจะไม่ขอออกจากกระทรวงมหาดไทยตามที่มีกระแสข่าว

และงานนี้ (10 มิ.ย.) มีรายงานว่า 21 ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอปรับ ครม.สัดส่วนของพรรค โดยให้เหตุผลว่ารัฐมนตรีของพรรคบางคนมีข้อกังวลด้านจริยธรรมที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กกต. และ ป.ป.ช. ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นรัฐบาล

โดยคณะรัฐมนตรีที่แจ้งลาประชุมวันนี้มี 6 คน ประกอบด้วย

1.น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

2.น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว.

3.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน

4.นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม

5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

6.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาฯ