
ปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องบก จ.อุบลราชธานี ยังไม่จบง่าย ๆ แม้ฝ่ายกัมพูชาจะปรับกำลังไปสู่แนวจุดเดิม เมื่อปี 2567 เพราะกรณีนี้ยังทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสะบักสะบอมทางการเมืองพอสมควร ถูกโจมตีเรื่องวุฒิภาวะของผู้นำ
อีกด้านหนึ่ง คือศึกการเมืองภายใน โดยเฉพาะกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เวลานี้ดูเหมือนกระแสยึดมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยจะซาลง เมื่อมีปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เข้ามาแทรก แต่จับปฏิกิริยาทางการเมืองของแกนนำพรรคภูมิใจไทย นอกจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงท่าทีไม่คืนกระทรวง
ขณะเดียวกัน ยังลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นั่งกินข้าวกลางฝนกับชาวบ้าน-ซ้อมหลบภัยกับนักเรียน ให้กำลังใจทหาร โดยสั่งให้มหาดไทยเป็น “กองหนุน” ยังไม่ย้ำบทมอบนโยบายให้แก่ฝ่ายปกครอง ที่ จ.อุบลฯ รอบสอง วันที่ 11-13 มิถุนายน เล่นบท มท.1 แข็งขัน ในจังหวะที่ถูกทวงกระทรวงคืน
ในเกมปรับ ครม.ยังมีเรื่องร้อน ศึกภายในของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ส่งผลให้เกมแตกหักพรรคภูมิใจไทยดูเหมือนจะยืดยาว
ที่สำคัญอีกฟากหนึ่ง ฝ่าย สว.เปิดเกมรุก บี้ให้นายกฯเปิดเวทีรัฐสภา ชี้แจงกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยกันหาทางออกจากวิกฤต แต่ในทางการเมืองถือว่าเป็นการบี้ให้รัฐบาลเปิดเวที ขยายบทบาทให้ฝ่ายค้าน-สว.อภิปราย ลดเครดิตรัฐบาล ในจังหวะที่เกมล้ม สว.กำลังชุลมุน
8 เอฟเฟ็กต์พิพาทชายแดน
จากหลายปมร้อนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเอฟเฟ็กต์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักรัฐศาสตร์ด้านการเมือง ความมั่นคง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำแนกผลกระทบทางการเมืองได้ 8 ประเด็น
1.ความรู้สึกเรื่องชาตินิยมเรื่องแรกยังคุกรุ่นอยู่ในทั้ง 2 ฝั่ง แค่ลดแต่ยังไม่ได้ถอยออกไปหมด ก็คงต้องดูว่ากระแสชาตินิยมจะเป็นอย่างไรต่อไป
2.ผลพวงนี้ไปเสริมบทบาทของกองทัพ ที่เล่นกับกระแสออนไลน์ โดยเอาชื่อหนังสงครามส่งด่วนของ Netflix มาลงในโซเชียลมีเดีย ด้านหนึ่งเหมือนสนุกกับภาพออกมา แต่จริง ๆ แล้วไม่สนุก เพราะมันคือการส่งสัญญาณเตรียมเข้าสู่สงคราม
3.ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนต่อตัวรัฐบาล สิ่งนี้รัฐบาลต้องตระหนัก ถ้าพูดด้วยภาษาการเลือกตั้ง นี่คือคะแนนทั้งนั้น ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ทำคะแนน หรือเหมือนไม่สนใจที่จะเก็บแต้มทางการเมือง แต่ความล่าช้า อาการรี ๆ รอ ๆ อาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในขณะที่สถานการณ์ฝั่งกัมพูชาเดินค่อนข้างเร็ว และเดินเป็นระบบ ทำให้คนในสังคมรู้สึกว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อม แรงที่สุดรู้สึกว่ารัฐบาลอ่อนแอแล้วก็ยอม มากที่สุดผมคิดว่าคือมีความรู้สึกว่ารัฐบาลยอมมากเกินไป ผลพวงอย่างนี้ไม่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล
4.ในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีไปตรวจราชการดูเรื่องแหล่งน้ำ สะท้อนการจัดคิวของรัฐบาลแพทองธาร ถ้าผมจัดคิวได้ นายกฯควรบินไป จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ ไม่ได้เรียกร้องให้นายกฯไปเดินในสนาม แต่เรียกร้องอยากเห็นนายกฯเดินใน 2 จังหวัดนี้ เพื่อเป็นกำลังใจกับพี่น้องประชาชน นี่คือตัวอย่างที่เราไม่เห็น สิ่งที่รัฐบาลฝั่งเพื่อไทยเนี่ย ต้องคิดคือเสียแต้มเยอะมาก
5.ในขณะเดียวกัน เราเห็นบทบาทของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ลงไปกินข้าวกับชาวบ้านบริเวณชายแดน ไม่ได้เรียกร้องให้นายกฯลงไปทานข้าวขนาดนั้น แต่ภาพอย่างนั้นเตือนเรื่องในอดีตที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับม็อบหน้าทำเนียบ ที่ลงไปนั่งกินข้าวเหนียวไก่ย่าง ดังนั้น โจทย์การสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญ
6.การสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลที่ผ่านมา สะท้อนความอ่อนแอและไม่ทันการณ์ โจทย์ตัวนี้เป็นเรื่องใหญ่
7.ผลสืบเนื่องที่ต้องดูต่อคือ เราจะสรุปบทเรียนเรื่องนี้อย่างไร
8.รัฐบาลจะสร้างภาพเชิงบวกให้กับตัวเองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ต้องยอมรับว่ารัฐบาลมีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำให้สถานการณ์สงบลงได้ก็ถือเป็นภาพบวก แต่รัฐบาลจะทำอย่างไรเพื่อทำให้เกิดความกระจ่าง ว่าในภาพบวกอันนี้เป็นผลดีโดยไม่มีเรื่องส่วนตัวแอบแฝง
รัฐบาลผสมอยู่ไม่ครบ 4 ปี
ขณะเดียวกัน ปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล ปีที่ 3 ในระบบรัฐบาลผสมไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็มีปัญหาหนักขึ้น คำถามคือความหนักของปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลในปีที่ 3 จะจบในปีที่ 4 เวลาใด หรือจะจบในปีที่ 3 เราต้องดูต่อหลังจากโหวตรับหลักการร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปี 2569 แล้ว และการปรับ ครม.อย่างไร และการปรับ ครม.จะกระทบกับความสัมพันธ์ในรัฐบาลผสมอย่างไร โจทย์ในขณะนี้ยังตอบไม่ได้มาก แต่สิ่งที่ต้องดูคือการปรับ ครม. ผลกระทบจะมีเอฟเฟ็กต์ขนาดไหน และขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย ถ้าจะตัดสินใจถอย จะถอยแค่ไหน
“แต่อย่างไรปีที่ 3 ของรัฐบาลผสม ปรากฏการณ์พวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นแต่เพียงจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะอายุของรัฐบาลผสมไม่เคยอยู่ครบ 4 ปีทั่วโลกนั่งดูได้”
“ยุคลุงตู่ที่อยู่ 4 ปี ไม่ใช่รัฐบาลผสม แต่รัฐบาลผสมในความเป็นจริงที่เห็นจากภาพทั่วโลก ไม่เคยมีรัฐบาลผสมอยู่ครบวาระ ยกเว้นรัฐบาลผสมที่ถูกควบคุมโดยผู้นำทหารในอดีต ซึ่งเป็นคนละบริบทกับสถานการณ์จริง”
ปรับ ครม.กลางเขาควาย
“ผมคิดว่าไม่ปรับ ครม.ก็คงมีปัญหาอีกแบบ ปรับก็มีปัญหาอีกแบบ รัฐบาลมีปัญหา 2 ด้าน ไม่ว่าไปด้านไหนก็มีปัญหา เพราะสถานการณ์ขณะนี้ลากกันไปต่อได้ไหม ไม่ปรับ ครม.ก็คงทำได้ แต่ความรู้สึกของประชาชนในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องในหลายกระทรวงไม่ตอบรับรัฐบาลเท่าที่ควร ถ้าเป็นอย่างนี้ในทางการเมืองก็ต้องปรับ ครม. แต่จะเกิดผลอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ผู้นำรัฐบาลต้องทำความเข้าใจ และควบคุมผลกระทบในด้านลบที่จะเกิดหลังจากนั้น”
“เป็นเรื่องปกติไม่มีการปรับ ครม.ด้านไหน ไม่มีผลลบ เป็นแต่เพียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้ผลบวกมากกว่าผลลบได้หรือไม่ ถ้าทำผลบวกมากกว่าผลลบไม่ได้ ก็แปลว่ายิ่งปรับ ครม.ก็ยิ่งมีปัญหา นำไปสู่การแตกของรัฐบาลผสมนั่นเอง”
“รัฐบาลอยู่ท่ามกลางเขาควาย คือ Dilemma ซ้ายก็ปัญหา ขวาก็ปัญหา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีรัฐบาลผสมอยู่โดยไม่มีปัญหา และไม่มีภาวะไหนที่ประเทศไทยจะไม่มีปัญหา เป็นเพียงทุกขลาภของนายกฯแพทองธารที่เข้ามาเป็นนายกฯ ในภาวะที่ประเทศมีปัญหาหนักหน่วงทุกด้าน โดยเฉพาะปัญหาด้านความมั่นคง ซึ่งต้องการเห็นความชัดเจนของรัฐบาลและจากทีมของนายกฯ” ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติกล่าว