
นายกฯ ประชุมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอฝ่ายความมั่นคงประสานด่านเปิด-ปิดเวลาตรงกัน เพื่อประโยชน์การค้า ขอบคุณแม่ทัพภาค 2-คนหน้างานรับแรงกดดัน ลั่นไม่อยากให้เกิดกระแสใช้ความรุนแรง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอต้อนรับ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจ เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุรินทร์ ทันทีที่เดินทางมาถึง ได้มีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รอให้การต้อนรับ และเดินทางต่อด้วยรถตู้เมอร์เซเดส เบนซ์ เลขทะเบียน นข 6689 สุรินทร์ มายังโรงพยาบาลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเป็นประธานการประชุมติดตามการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัด
โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุมด้วย
ทันทีที่เดินทางมาถึง มีประชาชน ส่วนราชการ กลุ่มเยาวชน และ สส.ในพื้นที่ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยทั้ง 8 เขต มารอต้อนรับ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ถึงสภาพลักษณะภูมิศาสตร์ของจังหวัด และสถานการณ์ชายแดน โดยจังหวัดสุรินทร์เป็นพื้นที่ติดต่อชายแดนติดต่อกับกัมพูชา 125 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย 4 อำเภอคือ บัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก โดยมีด่านถาวร 1 แห่งคือด่านช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 แห่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ด่านได้เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.-22.00 น. ภายหลังจากมีมาตรการควบคุมชายแดน จะเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิด เป็นวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. ซึ่งทางกัมพูชาก็มีการประกาศเลื่อนการเปิด-ปิดด่านเช่นกัน โดยเปิดเวลา 09.00 น. และปิดเวลา 16.00 น. ซึ่งจะทำให้จะมีเวลาที่เปิด-ปิด ตรงกันเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ทำให้นายกรัฐมนตรีสอบถามว่า ในพื้นที่สามารถประสานได้หรือไม่ ให้เปิดเวลาตรงกัน ต้องให้ทางหน่วยงานความมั่นคงดูว่าเปิดให้เท่ากันได้หรือไม่
ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 จึงกล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงจะลองประสานกับกองทัพฝ่ายกัมพูชาดู พร้อมยอมรับว่าอาจมีนัยยะบางอย่าง เหมือนมีลักษณะของการเมืองเล็กน้อย เพื่อชิงความได้เปรียบ และหลังจากนี้ฝ่ายความมั่นคง ผู้ว่าฯ ในพื้นที่จะมีการหารือกันต่อไป
นายกรัฐมนตรีจึงระบุต่อว่า ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน เปิด-ปิด ตรงกัน จะได้ค้าขายได้เท่ากัน อันนี้จะดีกว่า ขอให้ลองดู คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์จริง บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และเมื่อสักครู่ได้มีการพูดถึงเรื่องหลุมหลบภัย ขอให้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยว่าต้องการซ่อมแซมแบบไหน เพราะชีวิตเด็ก ๆ นักเรียน ต้องให้ความรู้ เมื่อไหร่ที่จะต้องใช้หลุมหลบภัย และอยากให้บรรจุอยู่ในการเรียนการสอนทุกปี ไม่จำเป็นจะต้องเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์ เพื่อให้เด็กเด็กทราบเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นว่าสถานการณ์ไหนควรใช้เมื่อไหร่
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณแม่ทัพภาค 2 ที่อยู่หน้างานตลอดและทราบถึงแรงกดดันมาก ๆ เพราะตนเองได้ติดต่อกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้นำฝ่ายกัมพูชาได้ทราบและเห็นใจมาก ๆ ว่าอยู่หน้างานจริง ไม่เหมือนกับตอนอยู่ข้างหลัง บางทีเกิดกระแสมากมาย คนหน้างานคือคนที่เห็นเหตุการณ์ และต้องปรับตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด
ตนถึงได้พยายามเน้นเรื่องของสันติภาพและความสงบสุข และได้ทราบข้อมูลจากทางหน้างานจึงไม่อยากให้เกิดกระแสตีว่าให้เกิดความรุนแรง ให้ลุย เพราะที่จริงแล้วต้องคิดถึงชีวิตของคนหน้างาน ว่ามีความกดดันสูงเมื่ออยู่ตรงนั้นเราเห็นอาวุธของกันและกัน เมื่อดูอาวุธ ดูความพร้อม หากต้องเกิดความไม่สงบจริง ๆ หรือเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นจริง
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่จะเป็นเรื่องใหญ่ตนเองพยายามที่จะสื่อสารเรื่องนี้ถึงความสงบสุข และเมื่อผู้นำคุยกันระหว่างนายกฯกัมพูชา ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ และล่าสุดที่คุยกันก็อยากให้ทั้งสองประเทศเกิดความสงบสุข และตนขอยืนยันเรื่องการรักษาอธิปไตยเอาไว้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำคัญไม่น้อยกว่ากระทรวงกลาโหมนั่นคือกระทรวงมหาดไทย เพราะมหาดไทยคือบ้าน ทหารคือรั้ว ต้องให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมในการดูแลบ้าน
ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องทำงานร่วมกัน ประสานกัน ว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้างตามแนวชายแดน และในบ้านของเรามีที่ปลอดภัยพอหรือไม่ และมีของ หรือมีปัจจัย 4 พอหรือไม่สำหรับคนในบ้าน อันนี้คือเรื่องที่สำคัญ ดูเรื่องนี้เป็นสำคัญช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ทำงานแบบบูรณาการก็จะเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องความสงบได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม และพลเอกณัฐพล รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ซึ่งได้รายงานเสมอ ว่ามีกระบวนการ หรือข้อความแบบไหนที่ภายในคุยกันไว้แล้วยังไม่สามารถสื่อสารได้ เพราะการคุยกันระหว่างประเทศต้องเคารพกติกาและข้อตกลงระหว่างประเทศด้วย เช่น ระดับแม่ทัพคุยกัน ระดับทหารคุยกัน ระดับนายกรัฐมนตรีคุยกัน ระดับรัฐมนตรีกลาโหมคุย คุยกันว่าอย่างไร เราต้องบอกกันตลอด เพื่อให้การสื่อสารตรงกัน
และไม่เข้าใจผิดซึ่งกันและกันอันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเมื่อพูดกันไปมาก ๆ ทำให้เข้าใจผิดและเกิดเรื่องใหญ่พยายามจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด พร้อมทั้งขอขอบคุณหน้างานที่เหนื่อยมาก ๆ ประสานงานกันจนประสบความสำเร็จ ขอบคุณกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ที่ร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถ รักษาอธิปไตยของเราไว้ รักษาความสงบสุขของบ้านเราไว้ ขอชื่นชมทุกคน
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนประชาชน เจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่และแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอะไรที่เกิดความเร่งด่วนจำเป็น ขอให้ แต่ละกระทรวงรายงานตรงมายังกระทรวง เพราะทั้งสองรองนายกฯ ก็ติดต่อตรงกับตนเองอยู่แล้ว ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยอยากให้ทำความเข้าใจกับประชาชนเยอะ ๆ ในพื้นที่ว่าทำอะไรอยู่บ้าง จะได้ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
ไม่เข้าใจผิด และไม่ให้ปล่อย Fake News อาจจะโดนไอโอบ้างอะไรบ้าง ไม่รู้มาจากไหน ก็มีการปล่อยข้อมูลที่เกิดความเข้าใจผิดกัน อันนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมได้
โดยทุกท่านที่มีตำแหน่งตรงนี้มีความน่าเชื่อถือที่สามารถติดต่อประชาชนได้สามารถบอกได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง ไม่เป็นเรื่องจริง อะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงก็ขอให้รีบแก้ ไม่อยากให้ขยายความไปมากกว่านี้ ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เป็นทีมเดียวกัน ยังไงประเทศไทยเป็นของพวกเราทุกคน เราต้องรักษาไว้ และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราอย่างเต็มที่ รัฐบาลพร้อมซัพพอร์ตทุกหน่วย
“จากนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้นำหรือกองทัพ เป้าหมายเดียวกันคือการรักษาสันติภาพเอาไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดก็ว่ากันไปตามหัวข้อ แต่เรื่องที่จะดีลกันจะไม่เอามารวมกัน พูดคุยกันทีละข้อ เคลียร์กันแต่ละเรื่องไป“ นายกรัฐมนตรี ระบุ