
มาริษยังหวังกลไกทวิภาคีแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อ ฮุน มาเนต ยังไม่ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ระบุสองประเทศยังติดต่อกันได้ ลั่นไม่มีปัญหาหลังมีชื่อหลุด รมต.บัวแก้ว
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นทหารและทุกส่วน จะต้องมีการประเมินอย่างที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พูดไปว่า ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ประเมิน
ขณะนี้ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ เราจะพยายามผลักดันให้มีการหารือทวิภาคีตามนโยบายของนายกฯ เราพยายามอย่างยิ่งที่จะใช้มาตรการหารือทวิภาคีเพื่อไม่อยากให้เกิดการปะทะ ซึ่งเป็นความต้องการของนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงให้มานั่งคุยกัน แต่เราต้องพยายาม เนื่องจากการปะทะกันสร้างความตึงเครียดให้เกิดขึ้นบริเวณชายแดน ไม่ก่อให้เกิดผลดีใด ๆ ทั้งสิ้น ตรงนี้คือเป้าหมายสำคัญที่นายกฯ พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ และหลีกเลี่ยงที่จะสร้างการเผชิญหน้า ไม่ต้องการเห็นความสูญเสียทั้งสองฝ่าย
ถ้าเกิดการปะทะมันเกิดความสูญเสียแน่นอน ปัจจุบันสภาวะของโลกก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยให้มีการสร้างข้อขัดแย้งอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในตะวันออกกลางก็เป็นเรื่องใหญ่ สิ่งที่นายกฯ พยายามทำทุกอย่างในขณะนี้คือ ผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคีให้เร็วที่สุด และเราพยายามดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ เชื่อว่าเรายังสามารถพูดคุยกับกัมพูชาได้อยู่ใช่หรือไม่ นายมาริษกล่าวว่าพูดคุยได้แน่นอน เรายังคงมีช่องทางในการพูดคุยกันอยู่ตลอด
เมื่อถามว่า มีข่าวว่า ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาระบุว่าจะไม่มีการพูดคุยในเจบีซีอีกแล้ว นายมาริษกล่าวว่า จริง ๆ กัมพูชาเองก็มีพันธกรณีที่จะต้องมาพูดคุยกัน เป็นสิ่งที่เราตกลงกันไว้ระหว่างไทยกับกัมพูชามาโดยตลอด ตรงนี้เป็นความเห็นของ ฮุน เนต ซึ่งตนเคารพความเห็นท่าน แต่ว่าในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องรับนโยบายจากนายกฯ ไปดำเนินการให้เป็นผลให้ได้ โดยเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและหน้าที่ของตนที่จะต้องไปผลักดันให้เกิดการเจรจา กลไกทั้งหลาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีต่อกัน ไม่ได้มีแค่เจบีซี จีบีซี อาร์บีซี เราพูดคุยกันได้ และเจรจาตกลงกันเพื่อให้มานั่งโต๊ะเจรจา
“จริง ๆ แล้วถ้าให้ผมตีความจากที่ฮุน มาเนต พูดในหลาย ๆ โอกาส ผมคิดว่า ท่านไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องของการเจรจาสองฝ่ายอย่างเด็ดขาด แต่คิดว่าท่านคงอยากที่จะเห็นว่ามันมีความคืบหน้าก่อน ซึ่งตรงนั้นมันเป็นกลไกทางการ แต่ว่า กลไกของการติดต่อทางการทูตยังคงมีอีกเยอะ สามารถคุยกันได้ สถานทูตกัมพูชาที่ประเทศไทยก็คุยกับเราได้ หรือสถานทูตไทยที่กัมพูชาก็คุยกันได้กับ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เรายังมีช่องทางในการพูดคุยกันอย่างเต็มที่ในทุกระดับอยู่แล้ว เมื่อเราปูทางได้แล้วก็ไปทำให้ได้ผลในกลไกที่เป็นทางการ ทั้งเจบีซี จีบีซี อาร์บีซี ได้อยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า ขณะนี้เอกอัครราชทูตไทยกลับไปที่กรุงพนมเปญหรือยัง หลังจากเรียกกลับมา นายมาริษกล่าวว่ายัง ตนยังหารือข้อราชการในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้อง ว่าเราจะแก้ไขกันอย่างไร เพื่อให้สองฝ่ายมานั่งคุยกันอย่างจริงจัง แม้ทูตไทยจะอยู่ที่นี่ แต่อุปทูตก็ทำหน้าที่ได้
เมื่อถามว่า การที่เราไม่ได้เรียกทูตกลับมาอย่างเป็นทางการ แต่การที่รั้งตัวทูตไว้ที่ไทยอาจถูกมองว่าเราลดระดับความสัมพันธ์ นายมาริษกล่าวว่าไม่ มันเป็นกลไกทางการทูตอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาตรงนี้เลย
เมื่อถามอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ต้องมีประเทศตัวกลางมาช่วยเจรจาหรือไม่ นายมาริษกล่าวว่าไม่จำเป็นเลย ตนเชื่อว่าเราสองประเทศสามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ และ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชาเราก็ยังติดต่อกันได้ ซึ่งตนติดต่อกันเป็นประจำอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีข่าวว่าอาจจะมีการปรับ รมว.การต่างประเทศ นายมาริษกล่าวว่าตนไม่มีปัญหาอะไรเลย เมื่อถามย้ำว่าเราไม่ได้อ่อนข้อเหมือนข่าวที่ออกมาใช่หรือไม่ ว่าเราประนีประนอมมากเกินไป นายมาริษกล่าวว่าไม่ใช่ ทั้งหมดตนอยากให้เข้าใจว่าเราแข็งอยู่แล้ว แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะที่จะนำไปสู่การสูญเสีย ตรงนี้เป็นนโยบายสำคัญของนายกฯ ที่จะต้องใช้กลไกทุกระดับทุกเรื่องเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย เพราะจะไม่เป็นผลดีกับประเทศใดเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเวทีทวิภาคีที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มีกำหนดชัดเจนหรือยัง นายมาริษกล่าวว่าเจบีซีมีกำหนดอยู่แล้ว น่าจะประมาณเดือน ก.ย. 68