วันที่ 1 ส.ค.2561 นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงต่อกรณีที่นายนคร มาฉิม หรือบุคคลที่เป็นผู้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2561 โดยต่อมานายนครเป็นผู้รับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวว่า ในเรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้ว ตนมีความเห็นต่อกรณีนี้ว่า ไม่ควรเอาถ้วยไปแลกกับกะลา แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติงานได้ทำความเห็นเสนอผู้ใหญ่ของพรรคฯ ในเรื่องที่นายนคร โยงเรื่องนายทุน ขุนศึก ฝ่ายการเมือง ฝ่ายทหาร ฝ่ายข้าราชการประจำ และตุลาการ ทั้งที่นายนคร ออกจากพรรคไปตั้งแต่ปี 2556 ไปอยู่พรรคขนาดกลางพรรคหนึ่ง พฤติกรรมที่นายนครแสดงให้สังคมรับรู้รับทราบตลอดคือการออกรายการโทรทัศน์ เป็นการเห็นด้วย อวย กับระบอบทักษิณเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางที่นายนครเลือกแล้ว
ขณะที่สิ่งที่ทีมกฎหมายพรรคฯ รู้สึกค้างคาใจคือข้อความที่นายนครโพสต์นั้น ใช้คำว่า “พวกเรา” แม้ว่านายนครระบุภายหลังว่า คำว่าพวกเรานั้นไม่ได้หมายความถึงพรรคประชาธิปัตย์ แต่พี่น้องประชาชน หรือคนที่ตามข่าวการเมืองเชื่อว่า คำว่าพวกเราของนายนครโพสต์ถึงนั้น ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ โดยในเนื้อหาที่นายนครกล่าวถึงระบุว่า “พวกเรา” ใช้วิธีการยุบพรรค ใช้กระบวนการยุติธรรมตัดสินเอาผิด ใช้กระบวนการยุติธรรมยุบพรรค
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
เมื่อมาดูข้อเท็จจริงจะพบว่า พรรคการเมืองที่ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคการเมืองที่ยุบพรรคพลังประชาชน มีพรรคเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายถาวร เสนเนียม และตน นอกจากนี้นายนคร มาฉิม ก็ได้ร่วมลงชื่อยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนด้วยเช่นกัน และเชื่อว่านายนครลงชื่อในการให้ ปปช. ดำเนินการเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมสุดซอยอีกด้วย โดยเรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ปปช.
สิ่งสำคัญที่สุดข้อความที่โพสต์ของนายนครนั้นได้โยงไปถึงฝ่ายตุลาการ ซึ่งท่านเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ในการที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยนั้น นายทักษิณก็ส่งทนายมาต่อสู้คดี และศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคไทยรักไทย เพราะมีการตัดต่อพันธุกรรม นำคนที่ไม่ใช่สมาชิกมาแทนที่สมาชิก หรือกรณีพรรคพลังประชาชน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ให้เงินกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งนายถาวร จับได้ไล่ทัน จึงมีการดำเนินการยุบพรรคพลังประชาชน ด้วยเรื่องดังกล่าวจึงเป็นเรื่องของเหตุของผลของข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นการสมคบกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับใครทั้งสิ้น การที่นายนครออกมาโพสต์ลักษณะนี้ จึงเป็นการออกมาอย่างมีนัยยะ เพื่อสร้างเหตุ สร้างผล เพื่อมีการหยิบยกข้อเท็จจริงไปขยายผลในระดับพื้นที่ ดังนั้นกระบวนการที่บอกว่ายุบพรรคทิ้งด้วยอำนาจกฎหมายจึงไม่เป็นความจริง การที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ยุบพรรคดังกล่าว เป็นเพราะทำผิดรัฐธรรมนูญ และมีการสู้กันในศาลรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ศาลมาสมคบกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคฯ ไปสมคบกับศาล
ดังนั้นถ้อยคำของนายนครที่โพสต์เฟซบุ๊กนั้น จึงเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องแสดงให้ชัดเจนว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่นายนครกล่าว และเป็นเรื่องที่สังคมทั้งหลายรับรู้ และเชื่อว่าถ้อยคำของนายนคร พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งการที่นายนครระบุว่า ข้อความดังกล่าวนั้นนายนครรู้เอง เห็นเอง และยืนยันข้อเท็จจริง ตรงนั้นนายนครจะบอกว่าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตนั้นไม่ได้ แม้นายนครจะไม่ระบุชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในสังคมไทยทุกคนรู้ว่าคำว่าพวกเราก็คือนายนคร และพรรคประชาธิปัตย์
โดยในทางคดีทีมกฎหมายเชื่อว่า นายนครมีความผิดตามมาตรา 326 และ 328 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และการส่งฟ้องนี้ได้ปรึกษากับหัวหน้าพรรคแล้ว และนายอภิสิทธิ์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากนายนครปฏิเสธว่า คำว่าพวกเราไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไร ตนเห็นว่าเรื่องนี้จะอยู่ที่ความเป็นลูกผู้ชายของนายนคร หากกล้าพูด และกล้ารับหรือไม่ว่า คำว่าพวกเราคือประชาธิปัตย์หรือไม่
ส่วนจะเข้าข่ายความผิดในพรบ.คอมพิวเตอร์หรือไม่นั้น เนื่องจากได้มีการแก้กฎหมายว่ากรณีหมิ่นประมาทไม่เป็นการผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ แต่การนำข้อมูลเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย หรือความตื่นตระหนกแก่ประชาชนนั้นเข้าข่ายผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งคณะทำงานฝ่ายกฎหมายจะได้สรุปประเด็นให้ได้สาระและนำเรียนปรึกษากับทางพรรคฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่
และทางพรรคฯ จะได้ดำเนินคดีในศาลอาญาฟ้องนายนคร มาฉิม ในสัปดาห์หน้าต่อไป