นปช.เปิดเวทีรับ”ตู่-จตุพร”พ้นคุก เจ้าตัวเปิดใจ หวังวิกฤตบ้านเมืองแก้ได้ ไม่ต้องมีคนตายอีก

นปช. เปิดเวที “หัวใจเดียวกัน” ด้าน “ตู่-จตุพร” เปิดใจ หลังพ้นคุก ขณะที่ “ขวัญชัย” ยันยังเหนียวแน่น โต้ลือย้ายซบ “พลังประชารัฐ”

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม ที่ชั้น 5 ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว นปช.จัดกิจกรรม ”หัวใจเดียวกัน” เพื่อให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ได้พบปะพูดคุยกับสมาชิกนปช. หลังจากที่ได้ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีแกนนำ นปช. อาทิ นายนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายวรชัย เหมะ ร่วมงาน

โดยช่วงต้นของการเปิดเวทีนายขวัญชัย กล่าวบนเวที ว่า ขวัญชัยยืนยันว่ายังรักเดียวใจเดียวและเป็นขวัญชัยคนเดิม ยังรักตู่จตุพรเหมือนเดิมแล้วรอบนี้จะยกจังหวัดแบบถล่มทลาย เราของแท้ไม่ใช่ของเทียม ในบางเฟซบุ๊กหาว่าผมย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็คงต้องบอกว่าแค่คิดก็ผิดแล้ว ไม่ต้องมาคลางแคลงใจใดๆ ชมรมคนรักอุดรพวกเราทุกคนยังเหมือนเดิม ยืนยันว่าสมาชิกเราแข็งแกร่งเหนียวแน่น เหมือนเดิมและมาในวันนี้ก็มาให้กำลังใจจตุพรเรายืนหยัดนปช.

ด้านนางธิดากล่าวว่า วันนี้มาไม่ได้มีการนัดจัดตั้งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติ ใครสะดวกก็มา เพียงแต่บางวันสะดวกตรงกันเป็นจำนวนมากเท่านั้นเอง วันนี้ประชาชนเดินหน้า ไม่หันหลังกลับ พยายามถอยห่างพวกอนุรักษ์นิยม แล้วพวกคนเหล่านั้นจะไล่ตามดูดประชาชนให้กลับมานั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเป็นการทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ตนอยากให้กำลังใจประชาชนทุกคน สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจะคัดกรองให้ประชาชนรู้ว่า ใครคือตัวจริงของประชาชน คุณจะไล่ตามประชาชนได้ต่อเมื่อคุณเปลี่ยนมาวิ่งตามกงล้อประวัติศาสตร์ คืนอำนาจให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม วันนี้นายจตุพรเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง แม้นายจตุพรจะพิสูจน์ตัวเองโดยการเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป เราไม่มีกำลังอาวุธ ไม่มีกำลังทหาร และไม่ชอบไปฟ้องร้องใคร มีแค่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่ประชาชนต้องการ วันนี้เมื่อนายจตุพรออกมาแล้ว เราอยู่กันพร้อมหน้า เราจะอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น และเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองของเรานั้นทำอย่างไรเราจะแก้ได้โดยไม่ต้องตายกันอีก พฤษภาทมิฬถึงปัจจุบันเราแลกเนื้อชีวิตเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด วันนี้ปัญหาของบ้านเมืองไม่ใช่การดูดสมาชิกพรรคการเมือง หรือผลคะแนนการเลือกตั้ง เพราะนั่นเป็นเรื่องเล็ก แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นคือ วิกฤตศรัทธา ตลอดระยะเวลา 1 ปี 15 วันที่ตนอยู่ในเรือนจำ ตนไม่เคยพกความแค้นเข้าไป คิดเพียงแต่ว่าเราเป็นนักโทษ อย่าไปคิดว่าเราเป็นใคร ไปทำอะไรมา เพราะถ้าคิดแบบนั้นเราจะอยู่ไม่ได้ และเป็นทุกข์ ตนออกมาไม่ได้มีความแค้นในหัวใจ มีแต่ความรักชาติบ้านเมืองในหัวใจ เรายังมีภาระหน้าที่คือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ความน่ากังวลคือวิกฤตศรัทธา มากกว่าเราจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ วันนี้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่เราเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองในปี 40 เสียอีก ความน่ากลัวไม่ใช่ใครจะดูดกันไปเท่าไหร่ แต่ความน่ากลัวคือเมื่อมีการเลือกตั้ง ก็มีการยึดอำนาจ มีการบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายตายฝ่ายเดียวคือประชาชน ไม่ว่าใครขึ้นมามีอำนาจจะนักการเมือง หรือทหาร ประชาชนก็ยังเป็นประชาชน เรายังมีภาระกิจอยู่ข้างหน้าในการหาทางออกให้กับประเทศชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ เรายังมีพี่น้องเราอยู่ในเรือนจำอีกจำนวนมาก เรายังมีภาระหน้าที่ที่ต้องเดินทางไปเยี่ยมเยียนพวกเขาทุกที่ทั่วประเทศไทย ก็ขอเชิญชวนทุกคนไม่ว่าใคร อยู่จังหวัดไหน ขอให้เยี่ยมเยียนพวกเขาบ้างให้เขาได้รู้ว่าพี่น้องที่อยู่ข้างนอกยังห่วงใย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า การต่อสู้ของประชาชนยังเดินหน้าต่อไป มันจะไม่ล้มเหลว ถ้าเราไม่ล้มเลิก เรายังไม่มีวันยกเลิกการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ความเป็นนปช.นั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องเดินหน้าด้วยหัวใจ และเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกเราทุกคน วันนี้ถือว่าอิสรภาพได้กลับสู่ประธานนปช.แล้ว ตนแน่ใจว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เชื่อว่าทุกคนยังจะอยู่ตรงนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากจากหลายๆ จังหวัด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากบรรดาการ์ด นปช. และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนมากเข้าร่วมสังเกตการณ์

 

ที่มา : มติชนออนไลน์