“บิ๊กตู่” ลั่นจัดการเด็ดขาดพวกบิดเบือนรัฐบาล ชี้รบ.-ฝ่ายค้าน ต้องเดินตามยุทธศาสตร์ 20 ปี

“บิ๊กตู่” ลั่นจัดการเด็ดขาดพวกบิดเบือนรัฐบาล รับไม่ได้มาจากเลือกตั้ง แต่มาแก้ปัญหาเพื่อ รบ.เลือกตั้งวันข้างหน้า ชี้ รบ.-ฝ่ายค้าน ต้องเดินตามยุทธศาสตร์ 20 ปี

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2561 จัดโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมงาน โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจว่า เรากำลังขับเคลื่อนประเทศอย่างไร แก้ไขปัญหาอะไร อย่างไร เพราะถ้าเรามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คนที่ชอบบิดเบือนก็จะออกมาชี้นำสังคม เป็นอันตรายต่อประเทศ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด จึงไม่อยากให้พูดจาให้เกิดความเสียหาย ขอให้ทุกหน่วยงาน เร่งชี้แจงในเรื่องนี้ต่อไปด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่าไทยนิยม การทำเพื่อประชาชน ถือว่าทุกคนพูดถึงจนติดปากติดหูแล้ว จากนั้นจึงคนนำไปบิดเบือนมากขึ้น ทั้งนี้เราต้องสร้างความเข้าใจว่า อะไรคือประชารัฐ อะไรคือประชาชน อะไรคือไทยนิยม อะไรคือกลไกการทำความดี ซึ่งทั้งหมดต้องสุจริตโปร่งใสมีธรรมาภิบาล รัฐบาลนี้ห่วงใยประชาชนระดับฐานราก ซึ่งเปรียบเสมือนรากแก้วหรือเสาเอกของบ้าน เราต้องดูแลคนในประเทศ ให้ได้รับความเป็นธรรม ให้มีความมั่นคงในการดำรงชีพ จึงขอจากนักวิชาการเข้าใจด้วยว่า เพราะถ้าเรายังติดปัญหาอยู่แบบเดิม โจมตีกันไปมา ทุกอย่างก็จะกลับสู่ที่เดิม เริ่มสิ่งใหม่ไม่ได้เลย หลายอย่างที่เราทำ คือสิ่งใหม่ ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้ใคร เราจะต้องสร้างภาพหวังในอนาคต ให้เราเป็นประเทศที่มั่นคงทุกมิติ มั่งคั่งทุกกลุ่ม มีภูมิคุ้มกันที่ดี เราจึงต้องลดความเสี่ยง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แนวคิดไทยนิยมไม่ได้ต้องการไปล้มล้างอะไรของใคร แต่ต้องการให้คนไทยนิยมสิ่งที่ดีงาม ความสุข ความถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจทุกคน บางอย่างต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับความถูกใจ รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ทำเพื่อรัฐบาลเลือกตั้งในวันข้างหน้า ให้ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติต่อไป เชื่อไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด และไม่ใช่เป็นการสร้างกระแสนิยมให้รัฐบาลนี้ ยืนยันว่าเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ทุกคนต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจต้องไม่ร้องขอในสิ่งที่ทำให้รัฐบาลเสียหาย เราพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติ จึงอยากขอร้องทุกคนโดยเฉพาะนักวิชาการ ให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ ความรู้สึกที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำให้เกิดความสับสน โดยอ้างตำราวิชาการเพียงอย่างเดียว เพราะอย่าลืมว่า เราคือเรา ไทยคือไทย จะไปเอาอย่างบ้านเมืองอื่นอย่างเดียวคงไม่ได้

“รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน ไม่ใช่มองเฉพาะผู้สนับสนุนหรือชอบเท่านั้น ไม่ใช่ไปใช้อำนาจให้คนรักเรา ผมไม่ทำอย่างนั้น และผมคิดว่าทุกคนไม่อยากทำอย่างนั้น เราทำไม่ได้ หรือการจะไปตอบแทนผลประโยชน์ให้เขารักเรา ผมว่าไม่ได้ คนอื่นที่เขาไม่รักเรา เขาก็เป็นคนไทย วันนี้สังคมโซเชียลมีเดียค่อนข้างแรง ยังมีทีท่าไม่ปรองดอง เพราะมีสองฝ่ายเสมอ เห็นด้วยไม่เห็นด้วย ขอความกรุณาอย่าใช้คำหยาบคาย บางคำที่เขียนมาอ่านไม่ได้ ไม่ได้อยากจะอ่าน แต่มันก็ต้องดูเพื่อที่จะแก้ไขปัญหา การเป็นประชาธิปไตยของเรา คาดหวังว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต้องทำงานตามยุทธศาสตร์นี้ เพื่อให้เกิดความทั่วถึงเป็นธรรมในทุกพื้นที่” พล.อ.ประยุทธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแซวนายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มาร่วมงานดังกล่าวว่า ขอบคุณท่านประธาน กกต.ที่มาร่วมงานในวันนี้ ถึงแม้ว่า กองทุนของท่าน จะไม่อยู่ในมาตรการตรงนี้ เพราะมีข้อยกเว้น แต่ท่านก็ต้องทำให้ดีตามนี้ รู้ว่ามีความตั้งใจดีทุกคน ตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ต้องแก้ไขปัญหาทุกวัน ไม่ว่าปัญหาอะไรก็ตาม ต้องรับผิดชอบและแก้ไขให้ได้ตามแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม หากตีกันไปตีกันมา ก็ต้องลงไปตัดสินอยู่ดี วันนี้ไม่มีปัญหากับใครทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพื่อเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งในอนาคต ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามดูแลทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใส ทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้ามีขอให้บอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามตนจะแก้ไขปัญหาเอง อย่าไปพูดให้เสียหาย ไม่เช่นนั้นเรื่องมันจะกลายไปต่างประเทศ จนแก้ไขลำบาก เรื่องทุจริตผิดกฎหมายก็ขอให้ร้องเรียนขึ้นมา อย่าบอกว่าร้องมาแล้วรัฐบาลไม่ทำอะไร รัฐบาลทำมาตั้งเยอะแล้ว กรุณาไปดูด้วย หลายเรื่องมีการบิดเบือนกันไปหมด มีการสร้างสังคมของเราให้เก่งทุกอย่าง ทุกคนเป็นศาลก็ได้ เป็นตำรวจก็ได้ เป็นทหารก็ได้ สังคมเป็นอย่างนี้หมดอีกหน่อยไม่ต้องมีคนทำงาน เพราะทุกคนตัดสินแทนศาลได้ พอศาลตัดสินอะไรมาก็ไม่ใช่อีก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์