บิ๊กตู่ ปลื้มโครงการนาแปลงใหญ่ เผย ชาวนาร้อยละ 80 พึงพอใจ แนะปลูกพืชอื่นเสริม

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการดำเนินงานส่งเสริมระบบนาแปลงใหญ่ที่พบว่า เกษตรกรมากกว่าร้อยละ 80 มีความพึงพอใจในการรวมกลุ่มทำนา เนื่องจากทำให้กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด ทั้งของวิสาหกิจชุมชนด้านข้าวและสหกรณ์การเกษตร

โดยรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่า เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,325 บาทต่อไร่โดยปีแรกที่เริ่มทำเพิ่มขึ้น 115 บาทต่อไร่ ปีที่ 2 เพิ่มขึ้น 1,211 บาทต่อไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.50 ขณะที่ต้นทุนการผลิตลดลงร้อยละ 19.02 ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลได้จัดทำโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ปี ‭2558 – 2561‬ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตข้าวคุณภาพดี ช่วยเพิ่มสมรรถนะการบริหารจัดการข้าวของชุมชนแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดการคุณภาพ และการตลาด เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นาแปลงใหญ่เป็นหนึ่งในเครื่องมือแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้มีนาแปลงใหญ่ที่ดูแลโดยกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งสิ้น 1,902 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 2,433,172 ไร่ เกษตรกรจำนวน 175,647 ราย ในพื้นที่ 71 จังหวัด แบ่งเป็นกลุ่มต่อเนื่องปี ‭2558 – 2560‬ จำนวน 1,172 แปลงและกลุ่มใหม่ปี 2561 จำนวน 30 แปลง สำหรับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานข้าว นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีเกษตรกรเข้าสู่ระบบการผลิตข้าวตามมาตรฐาน GAP แล้ว 854 แปลง เกษตรกร 47,700 ราย พื้นที่ 594,916 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวที่ได้มาตรฐานเข้าสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 300,000 ตันและภาครัฐตั้งเป้าให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบและเข้ารับการตรวจใบรับรองในปี 2562 อีก 127,947 ราย พื้นที่ 1.8 ล้านไร่

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแนะว่าเกษตรกรจะต้องรู้จักปลูกพืชเสริมหรือทำเกษตรแบบผสมผสาน เลี้ยงสัตว์ และแปรรูปผลผลิตขาย เพื่อให้มีรายได้ตลอดทั้งปี ป้องกันปัญหาผลกระทบที่เกิดจากราคาข้าวตกต่ำในวันข้างหน้า

 

ที่มา มติชนออนไลน์