กกต.แจงจังหวัดต้องส่ง 3 รูปแบบ แบ่งเขตเลือกตั้งมาให้เลือก คาดเสร็จกลางเดือน พ.ย.

กกต.แจงออกหนังสือแจ้งทุกจังหวัดแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อรองรับกระบวนการทำไพรมารี ระบจังหวัดต้องส่ง 3 รูปแบบให้ กกต.พิจารณาคัดเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด คาดกลาง พ.ย.แบ่งเขตเสร็จ ยอมรับหากวันเลือกตั้งขยับยาว พ.ค. 62 ต้องแบ่งเขตใหม่

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการมีหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดให้ดำเนินการเตรียมเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้ง ว่าเป็นการเตรียมการไว้สำหรับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาช่วงกลางเดือนกันยายน และหากมีการเลือกตั้งตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ว่าจะเป็นช่วงกุมภาพันธ์ 2562 และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุจะใช้ช่วงเวลา 90 วันระหว่างรอการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฉะนั้นในการทำไพรมารีโหวตผู้สมัครจะลงเขตไหน พรรคจะส่งผู้สมัครในพื้นที่ใด ก็จะต้องมีข้อมูลการแบ่งเขตก่อน ซึ่งส่วนของ กกต. เราใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของปี 2559 ที่มีการสรุป ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ดำเนินคำนวนการแบ่งเขตไว้เบื้องต้น แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของจำนวนราษฎรรายอำเภอ ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวน ส.ส.ของแต่ละเขตมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงได้มีประสานไปยังผู้อำนวยการสำนักทะเบียนกลางราษฎรของทราบข้อมูล และได้แจ้งยัง ผอ.กกต.ประจำจังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งว่าจำนวนราษฎรล่าสุดจะมีผลทำให้ค่าเฉลี่ยกลางเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

“เรื่องที่ทำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่กระบวนการไพรมารีโหวต ถ้า คสช.ออกคำสั่ง ม.44 ให้ กกต.ดำเนินการแบ่งเขตได้ เราก็จะใช้ข้อมูลราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 60 เป็นหลัก ซึ่ง ผอ.กกต.ประจำจังหวัดก็จะทำหน้าที่แบ่งเขต 3 รูปแบบ และติดประกาศรูปแบบของการแบ่งเขตทั้ง 3 รูปแบบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย พรรคการเมือง เป็นเวลา 10 วัน ก่อนจะประมวลความคิดเห็นและส่งมายังกกต.ให้พิจารณาคัดเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด ซึ่งทั้งกระบวนการจะต้องทำให้เสร็จภายใน 60 วันนับแต่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือคาดว่าประมาณ กลางพฤศจิกายน เรื่องของการแบ่งเขตต้องแล้วเสร็จ และเข้าสู่กระบวนการไพรมารีโหวตได้”

รองเลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า การแบ่งเขตทั้งรูปแบบที่แต่ละจังหวัดจะดำเนินการ ร้อยละ 80 จะเป็นการแบ่งตามโซนนิ่งของอำเภอ เว้นแต่บางอำเภอที่มีเทศบาลนคร และเป็นชุมชนหนาแน่น ก็อาจจะต้องแบ่งอำเภอออกเป็น 2 เขต แต่จะไม่มีการแบ่งตำบล และยึดหลักไม่กระทบกับความคุ้นเคยพื้นที่ของประชาชนที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้จากการที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือในเรื่องการประหยัดงบประมาณเลือกตั้ง และกฎหมายใหม่ได้กำหนดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อหน่วยเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากเดิม 800 คนต่อหน่วยมาเป็น 1,000 คนต่อหน่วยทางสำนักงานกกต.ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง ผอ.กกต.ประจำจังหวัดทุกจังหวัดขอให้ประสานไปยังสำนักงานทะเบียนอำเภอว่าจะสามารถขยายหรือรวมหน่วยงานได้หรือไม่ แต่ต้องให้ไม่กระทบต่อความคุ้นเคยในการใช้สิทธิของประชาชนโดยจากเดิมที่มีหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศประมาณ 96,000 หน่วยก็ต้องเป้าลดลงอย่างน้อย 3%

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลมีการขยับวันเลือกตั้งจากเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ไปเป็นพฤษภาคม 2562 เขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.จะยังคงเดิมหรือไม่ นายณัฏฐ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุแล้วว่าช่วงเวลาของการเลือกตั้งเร็วที่สุดคือกุมภาพันธ์ ช้าที่สุดคือ พฤษภาคม 2562 ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทยจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรแต่ละปี ในช่วงมีนาคมของปีถัดไป ดังนั้นหากวันเลือกตั้งขยับไปเป็นเดือนพฤษภาคม 62 ก็ต้องมีการแบ่งเขตใหม่ ตามจำนวนประชากรที่มีการประกาศใหม่ ซึ่งก็จะดันให้ทุกอย่างขยับออกไปอีก 60 วัน

นายณัฏฐ์ยืนยันว่า จำนวนเขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.ที่ลดลงไม่ได้เกิดจากการกำหนดกกต. แต่เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญที่กำหนดจำนวน ส.ส.แบ่งเขตลดลงจาก 375 เป็น 350 คน และจำนวนประชากรต่อ ส.ส. 1 คนมีการเปลี่ยนแปลงในทุกปี

 

ที่มา : มติชนออนไลน์