เมื่อ วันที่ 10 กันยายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความวิจารณ์ น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล หัวหน้ากลุ่มไอดอลวง BNK48 ที่มาช่วยงานรัฐบาลในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ว่า นายรังสิมันต์ โรมจะไปจำกัดสิทธิ์น.ส.เฌอปรางได้อย่างไร เพราะเขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนถามว่านายรังสิมันต์ โรมจะไปจำกัดสิทธิ์บุคคลของคนอื่นได้หรือ แต่ถึงอย่างไรตนก็ขอให้กำลังใจคนที่มาช่วยงานรัฐบาลและคสช. แม้ว่าส่วนตัวจะไม่เคยฟังเพลงของวง BNK48 เพราะไม่มีเวลา เนื่องจากต้องทำงาน
เมื่อถามว่า แบบนี้เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะทำให้ดารานักแสดงไม่กล้ามาช่วยงานรัฐบาลและคสช. เพราะกลัวโดนโจมตี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายรังสิมันต์ โรมจะไปกำหนดห้ามเรื่องสิทธิมนุษยชนคนอื่นได้เหรอ และจะไปห้ามคนอื่นเขาได้เหรอ
- Q1 “ITD” สะเทือน 4 แบงก์ใหญ่ ส่อตั้งสำรองเพิ่ม-กำไรหด
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- ประกันสังคม ขายหุ้น “บางจาก” 1.5 ล้านหุ้น หลังซื้อ 4.7 แสนหุ้น เมื่อ 4 วันก่อน
โดยล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯให้สัมภาษณ์โต้กลับว่ามีสิทธิ์อะไรไปวิจารณ์ ดาราดังที่เข้าร่วมจัดรายการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลคสช. ว่า
ว่าด้วยกรณีคุณประวิตรกล่าวพาดพิงผมต่อกรณีที่ผมเขียนสเตตัสถึงเฌอปรางที่ไปรับงานโปรโมต คสช.
1. คุณประวิตรกล่าวว่า “ตัวผมเองไปจำกัดสิทธิเฌอปราง” ขอยืนยันนะครับ ตัวผมเองมีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีอำนาจอะไรในการไปบังคับใครให้ต้องทำหรือไม่ทำได้ (และต่อให้มีอำนาจก็ไม่เคยคิดจะบังคับด้วย) หากอ่านสเตตัสผมดีๆจะพบว่าความมุ่งหวังของผมที่มีต่อตัวเฌอปรางเอง เป็นเรื่องของการ Empower ให้ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น สิ่งที่ผมเขียนไปทั้งหมดก็เพียงแต่แนะนำเฌอปรางด้วยความปราถนาดีที่ไม่อยากเห็นคนรุ่นใหม่ต้องไปแปดเปื้อนกับอำนาจเผด็จการ ที่ผ่านมาผมพูดหลายครั้งว่า ความโสมมทั้งหลาย มันต้องสิ้นสุดในยุคของเรา ดังนั้น คนรุ่นใหม่ไม่ว่าเป็นใคร ประกอบอาชีพอะไร จะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเผด็จการ เพื่อให้อำนาจเผด็จการมันสิ้นสุดไปพร้อมๆกับอายุขัยของคนยุคไดโนเสาร์
2. มีหลายคนบอกว่า โพสต์ของผม คือ การข่มขู่เฌอปราง หลายคนเข้าใจผิดว่า “ตราบาป” คือ การข่มขู่เฌอปราง ผมอธิบายอย่างนี้นะครับ ผมคงไม่สามารถไปข่มขู่เฌอปรางได้ คำว่าตราบาปที่ผมใช้ก็เป็นไปเพื่อเตือนว่าการร่วมงานกับเผด็จการ จะเป็นผลเสียต่อตัวเฌอปรางเองในระยะยาว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือพล.อ.ประยุทธ์-ประวิตร ก็ช่วยคุณขจัดตราบาปนี้ออกไปไม่ได้ มีแต่ตัวคุณเท่านั่นแหละที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้
3. พูดกันว่าทำไมผมเอาแต่วิจารณ์เฌอปราง ไม่วิจารณ์ดาราคนอื่นบ้าง ผมเองก็อยากวิจารณ์ดาราทุกคนนั่นแหละครับ แต่ด้วยความที่ผมไม่ได้ดูโทรทัศน์มานานแล้ว ระยะหลังเลยไม่ค่อยรู้จักดาราคนอื่นๆเท่าไหร่ แต่ที่รู้จักเฌอปรางมากกว่าคนอื่นก็เพราะคนรอบตัวเป็นแฟนคลับเฌอปราง แล้วยิ่ง genonline วิจารณ์พาดพิงถึงผมด้วยทำให้ผมรู้สึกอยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้บ้าง
4. การที่ พล.อ.ประวิตร ออกมาพูดว่า ที่เฌอปรางมาช่วยงานนั้นเป็นสิทธิ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้เฌอปรางสามารถปฏิเสธงาน คสช. ได้นะครับ นอกจากนี้ คำพูดของคุณประวิตรเป็นการยืนยันด้วยว่า คสช. ไม่ได้บังคับเฌอปราง (อย่างน้อยๆ คุณประวิตรก็ปฏิเสธเรื่องนี้เป็นนัยๆ ) สภาพบังคับที่แท้จริงที่ทำให้เฌอปรางต้องทำงานนี้ ก็จะตกอยู่ที่ตัวเฌอปรางเองกับบริษัทที่เป็นนายจ้างของเฌอปราง ซึ่งผมเข้าใจว่ามันไม่ง่ายที่จะ Fight กับบริษัท แต่ผมก็เชื่อว่าเหล่าโอตะเขานิยมในตัวคุณ ไม่ใช่นิยมในบริษัท อย่าทำให้ปัญหากลายเป็นทางตัน แต่คุณต้องเปลี่ยนมันเป็น solution ซึ่งในสถานะที่คุณมี ผมเชื่อว่าคุณรู้ดีกว่าใครในการที่ต้องเอาตัวรอดจากสภาวะนี้
5. สุดท้ายนี้ผมหวังว่าเทปที่จะออกอากาศในวันที่ 15 กันยานี้ จะเป็นเทปเดียว และเทปสุดท้ายที่เฌอปรางไปร่วมงานกับ คสช. หวังว่าหลังจากนี้เฌอปราง(หรือบริษัทที่เป็นนายจ้าง) จะไม่ร่วมงานกับ คสช. อีก ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นบทเรียนต่อตัวเฌอปรางเอง อย่าให้มันต้องเป็นตราบาปแก่ตัวเองไปมากกว่านี้เลย เราต่างรู้ดีว่าการมาออกรายการของเฌอปรางอาจจะไม่ส่งต่อความนิยมไปให้กับ คสช. ได้ แต่ความเสื่อมเสียทั้งหลายที่ คสช. มี ย่อมส่งต่อมาแปดเปื้อนเฌอปรางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง