“บิ๊กป้อม” ป้อง “เฌอปราง” จวก “โรม” ชี้เป็นสิทธิ์ของดารา ที่จะมาช่วยงานรัฐบาล

เมื่อ วันที่ 10 กันยายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความวิจารณ์ น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล หัวหน้ากลุ่มไอดอลวง BNK48 ที่มาช่วยงานรัฐบาลในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ว่า นายรังสิมันต์ โรมจะไปจำกัดสิทธิ์น.ส.เฌอปรางได้อย่างไร เพราะเขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนถามว่านายรังสิมันต์ โรมจะไปจำกัดสิทธิ์บุคคลของคนอื่นได้หรือ แต่ถึงอย่างไรตนก็ขอให้กำลังใจคนที่มาช่วยงานรัฐบาลและคสช. แม้ว่าส่วนตัวจะไม่เคยฟังเพลงของวง BNK48 เพราะไม่มีเวลา เนื่องจากต้องทำงาน

เมื่อถามว่า แบบนี้เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะทำให้ดารานักแสดงไม่กล้ามาช่วยงานรัฐบาลและคสช. เพราะกลัวโดนโจมตี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายรังสิมันต์ โรมจะไปกำหนดห้ามเรื่องสิทธิมนุษยชนคนอื่นได้เหรอ และจะไปห้ามคนอื่นเขาได้เหรอ

โดยล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯให้สัมภาษณ์โต้กลับว่ามีสิทธิ์อะไรไปวิจารณ์ ดาราดังที่เข้าร่วมจัดรายการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลคสช. ว่า

ว่าด้วยกรณีคุณประวิตรกล่าวพาดพิงผมต่อกรณีที่ผมเขียนสเตตัสถึงเฌอปรางที่ไปรับงานโปรโมต คสช.

1. คุณประวิตรกล่าวว่า “ตัวผมเองไปจำกัดสิทธิเฌอปราง” ขอยืนยันนะครับ ตัวผมเองมีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีอำนาจอะไรในการไปบังคับใครให้ต้องทำหรือไม่ทำได้ (และต่อให้มีอำนาจก็ไม่เคยคิดจะบังคับด้วย) หากอ่านสเตตัสผมดีๆจะพบว่าความมุ่งหวังของผมที่มีต่อตัวเฌอปรางเอง เป็นเรื่องของการ Empower ให้ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น สิ่งที่ผมเขียนไปทั้งหมดก็เพียงแต่แนะนำเฌอปรางด้วยความปราถนาดีที่ไม่อยากเห็นคนรุ่นใหม่ต้องไปแปดเปื้อนกับอำนาจเผด็จการ ที่ผ่านมาผมพูดหลายครั้งว่า ความโสมมทั้งหลาย มันต้องสิ้นสุดในยุคของเรา ดังนั้น คนรุ่นใหม่ไม่ว่าเป็นใคร ประกอบอาชีพอะไร จะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเผด็จการ เพื่อให้อำนาจเผด็จการมันสิ้นสุดไปพร้อมๆกับอายุขัยของคนยุคไดโนเสาร์

2. มีหลายคนบอกว่า โพสต์ของผม คือ การข่มขู่เฌอปราง หลายคนเข้าใจผิดว่า “ตราบาป” คือ การข่มขู่เฌอปราง ผมอธิบายอย่างนี้นะครับ ผมคงไม่สามารถไปข่มขู่เฌอปรางได้ คำว่าตราบาปที่ผมใช้ก็เป็นไปเพื่อเตือนว่าการร่วมงานกับเผด็จการ จะเป็นผลเสียต่อตัวเฌอปรางเองในระยะยาว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือพล.อ.ประยุทธ์-ประวิตร ก็ช่วยคุณขจัดตราบาปนี้ออกไปไม่ได้ มีแต่ตัวคุณเท่านั่นแหละที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้

3. พูดกันว่าทำไมผมเอาแต่วิจารณ์เฌอปราง ไม่วิจารณ์ดาราคนอื่นบ้าง ผมเองก็อยากวิจารณ์ดาราทุกคนนั่นแหละครับ แต่ด้วยความที่ผมไม่ได้ดูโทรทัศน์มานานแล้ว ระยะหลังเลยไม่ค่อยรู้จักดาราคนอื่นๆเท่าไหร่ แต่ที่รู้จักเฌอปรางมากกว่าคนอื่นก็เพราะคนรอบตัวเป็นแฟนคลับเฌอปราง แล้วยิ่ง genonline วิจารณ์พาดพิงถึงผมด้วยทำให้ผมรู้สึกอยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้บ้าง

4. การที่ พล.อ.ประวิตร ออกมาพูดว่า ที่เฌอปรางมาช่วยงานนั้นเป็นสิทธิ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้เฌอปรางสามารถปฏิเสธงาน คสช. ได้นะครับ นอกจากนี้ คำพูดของคุณประวิตรเป็นการยืนยันด้วยว่า คสช. ไม่ได้บังคับเฌอปราง (อย่างน้อยๆ คุณประวิตรก็ปฏิเสธเรื่องนี้เป็นนัยๆ ) สภาพบังคับที่แท้จริงที่ทำให้เฌอปรางต้องทำงานนี้ ก็จะตกอยู่ที่ตัวเฌอปรางเองกับบริษัทที่เป็นนายจ้างของเฌอปราง ซึ่งผมเข้าใจว่ามันไม่ง่ายที่จะ Fight กับบริษัท แต่ผมก็เชื่อว่าเหล่าโอตะเขานิยมในตัวคุณ ไม่ใช่นิยมในบริษัท อย่าทำให้ปัญหากลายเป็นทางตัน แต่คุณต้องเปลี่ยนมันเป็น solution ซึ่งในสถานะที่คุณมี ผมเชื่อว่าคุณรู้ดีกว่าใครในการที่ต้องเอาตัวรอดจากสภาวะนี้

5. สุดท้ายนี้ผมหวังว่าเทปที่จะออกอากาศในวันที่ 15 กันยานี้ จะเป็นเทปเดียว และเทปสุดท้ายที่เฌอปรางไปร่วมงานกับ คสช. หวังว่าหลังจากนี้เฌอปราง(หรือบริษัทที่เป็นนายจ้าง) จะไม่ร่วมงานกับ คสช. อีก ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นบทเรียนต่อตัวเฌอปรางเอง อย่าให้มันต้องเป็นตราบาปแก่ตัวเองไปมากกว่านี้เลย เราต่างรู้ดีว่าการมาออกรายการของเฌอปรางอาจจะไม่ส่งต่อความนิยมไปให้กับ คสช. ได้ แต่ความเสื่อมเสียทั้งหลายที่ คสช. มี ย่อมส่งต่อมาแปดเปื้อนเฌอปรางไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 


ที่มา มติชนออนไลน์