“บิ๊กตู่” ยันรัฐบาลไม่ตูดขาด กู้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่สร้างภาระ-ไม่ผิดกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทiร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเก็บภาษีมากขึ้นกว่าเป้าหมายตั้งหลายอย่าง ไม่มีตูดขาด ซึ่งตูดขาดหมายความว่าบริหารไม่ได้ หนี้สาธารณะท่วมหัว มันไม่ท่วมหรอก ซึ่งหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นมา คือรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเกิดมูลค่าในอนาคต เพราะวันนี้วันนี้ ขสมก.และรถไฟขาดทุนจึงต้องกู้หนี้ยืมสินมาสร้างกิจการใหม่ แต่การกู้เงิน หนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี วันนี้มีเพียง 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นหนี้ระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้น อีกทั้งเรามีเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นี่คือพื้นฐานของความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ถ้าไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่ผิด

“ที่มาอ้างกันว่าเอามาหารค่าเฉลี่ยรายหัวแล้วทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น และที่เกิดในรัฐบาลที่แล้วไม่หายเหรอ เกิดประโยชน์อะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดตรงนั้น ถ้าทุกคนไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็อยู่เฉยๆ รัฐบาลไม่ปวดหัว ไม่สร้างความขัดแย้งกับใคร คนก็ชอบรัฐบาล เลือกตั้งกี่ทีก็มาหมด แต่วันนี้ต้องจัดระเบียบบ้านเมืองของเราให้ได้ สร้างการรับรู้ให้ได้ว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร การใช้งบประมาณให้คุ้มค่าอย่างไร จะเลือกตั้งได้รัฐบาล ได้ ส.ส.ที่ดีได้อย่างไร นี่ทำเพื่อคนทั้งประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ไมได้อยู่พรรคไหนสักพรรค อย่ากังวลเรื่องนี้ ไม่อยากให้ฟังนักการเมืองมากนัก ฟังได้ แต่อย่าไล่ล่ากับตน แยกแยะให้ออกว่าตนกำลังทำอะไร พรรคการเมืองก็เตรียมไปสู่การเลือกตั้งของเขา สิ่งที่กังวลเมื่อถึงการปลดล็อกบ้านเมืองจะวุ่นวายหรือไม่ ช่วยลดความขัดแย้งตรงนี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเสียหาย การลงทุนตัดขัด การท่องเที่ยวก็แย่ลง ได้รัฐบาลเดิมๆ ที่ชนะคะคานกันด้วยความขัดแย้งบิดเบือนซึ่งกันและกันเข้ามา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายอย่างเริ่มต้นในรัฐบาลนี้ แต่สิ่งไหนที่ดีตนก็ทำต่อและเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้น งบสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น แพทย์ชุมชนลงไปมากขึ้น ไม่ได้ล้มล้างของเดิมแต่ทำให้ดีกว่า แต่ยังไม่ทำให้ทุกคนพอใจ เพราะความพอใจของมนุษยชาติไม่มีที่สิ้นสุด รัฐเพียงแต่สร้างโอกาสสร้างความเป็นธรรมดูแลคนมีรายได้น้อยตามกรอบวงเงินที่มีอยู่ตามการกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง กฎหมายงบประมาณ ซึ่งงบประมาณโครงการไทยนิยม ที่ลงไปแม้ไม่ใช่ลงไปสู่ผู้มีรายได้น้อยโดยตรง แต่จะทำให้เกิดวงจรภาคการผลิตเกิดขึ้น เมื่อมีคนผลิตก็ต้องมีคนซื้อมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินไว้ว่าทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การใช้เงิน ซึ่งผู้มีรายได้น้อยจะต้องเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากวงจรใหญ่ตรงนี้ต้องทำให้เชื่อมโยงให้ได้ แม้ไม่สำเร็จวันนี้ รัฐบาลต่อไปก็ต้องแก้