19 คดีร้อน “ทักษิณและพวก” เขย่าทายาท “ชินวัตร” สะเทือน “เพื่อไทย”

แม้ว่าตระกูล “ชินวัตร” จะมีนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน หนึ่ง “ทักษิณ ชินวัตร” สอง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่ตระกูล “ชินวัตร” เหมือนถูกต้องคำสาป เพราะแทบทุกคนที่เข้าสู่วงจรการเมือง ต้องมีคดีติดตัว

เพราะไม่เพียง “ทักษิณ” นายกฯ ผู้พี่ ต้องโคจรรอบโลก ไม่สามารถกลับเข้าบ้านเกิดได้ เพราะมีสถานะเป็น “ผู้ต้องหาหนีคำพิพากษา” ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินไป 6.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ยังเจออีก 5 คดี ที่ศาลออกหมายจับและจำหน่ายคดีชั่วคราว

1.คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป 2.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว 3.คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาทให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร 4.คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท และ 5.คดีหมิ่นประมาทกองทัพบก

ยิ่งลักษณ์ เจอ 10 คดีใน ป.ป.ช.

มาถึง “ยิ่งลักษณ์” นายกฯ ผู้น้อง ต้องผจญวิบากกรรม “จำนำข้าว” ในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว มีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษา 25 สิงหาคมนี้ พร้อมทั้งถูกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวทางแพ่งอีก 3.5 หมื่นล้านบาท จากกรณีเดียวกัน และในฐานข้อมูลสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า “ยิ่งลักษณ์” มีคดีที่ ป.ป.ช.ยังไม่ชี้มูลความผิดอีก 10 สำนวน ประกอบด้วย

คดีที่ 1 “ยิ่งลักษณ์” นายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กับพวก รวม 8 คน ในข้อกล่าวหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 โดยมีเนื้อหาพาดพิงเป็นการก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และทำให้องค์กรดังกล่าวได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณ

คดีที่ 2 “ยิ่งลักษณ์”กับพวก รวม 2 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยออกคำสั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตน ซึ่งต่อมาศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งโยกย้าย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

คดีที่ 3 “ยิ่งลักษณ์” ถูกกล่าวหาละเว้นไม่ลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา กรณี รมว.มหาดไทย กับพวกปราศรัยรุนแรง-แบ่งแยกประเทศ ในกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย (ขณะนั้น) กับแกนนำ นปช. ได้ร่วมกัน

จัดเวทีปราศรัย “นปช. ลั่นกลองรบ” ได้กล่าวปราศรัยในลักษณะยุยงให้ใช้ความรุนแรง ให้จัดตั้งกองกำลังของกลุ่มคนเสื้อแดง ข่มขู่องค์กรอิสระ ศาล ยุยงแบ่งแยกประเทศเป็นสองส่วน โดยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงใด ๆ อยู่ระหว่างคณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้สรุปข้อเท็จจริง

กกต.เรียกแพ่ง 2.4 พันล้าน

คดีที่ 4 “ยิ่งลักษณ์” ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ขัดต่อพระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 มาตรา 3 โดยเมื่อ วันที่ 27 มิ.ย. 56 กระทรวงการคลัง โดยอนุมัติของ คณะรัฐมนตรี ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 324,606 ล้านบาท อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

คดีที่ 5 “ยิ่งลักษณ์” กับพวก รวม 5 คน

กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และกระทำขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 กรณีการดำเนินการโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

คดีที่ 6 “ยิ่งลักษณ์” กับพวก รวม 3 คน ขอให้ตรวจสอบป้ายประชาสัมพันธ์ที่ปรากฏภาพของผู้ถูกกล่าวหา และข้อความว่า “อนาคตประเทศไทย อยู่ในมือของประชาชน โดยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย” ที่ปรากฏในจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ได้ใช้งบประมาณใดจัดทำ ซึ่งน่าจะทำเพื่อประชาสัมพันธ์ตนเองโดยมีประโยชน์ทับซ้อน อยู่ระหว่างสรุปข้อเท็จจริงเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณา

คดีที่ 7 “ยิ่งลักษณ์” กับพวก รวม 2 คน มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ….. และส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตราเป็นกฎหมายใช้บังคับ อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 169 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คดีที่ 8 “ยิ่งลักษณ์” กับพวก รวม 15 คน กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 และกระทำขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ดำเนินการโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ โดยมิชอบ รวบรวมพยานหลักฐาน

คดีที่ 9 “ยิ่งลักษณ์” กับพวก รวม 4 คน

กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในการเก็บกัก ควบคุม ระบาย หรือบริหารจัดการน้ำ ได้กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดมหาอุทกภัยในปี 2554 อยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน

คดีที่ 10 เตรียมชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์-ครม.รวม 34 คน กรณีอนุมัติการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีกฎหมายรองรับ ในเดือน ก.ย.นี้และ คดีที่ 11 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นต่ออัยการให้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเงิน 2,400 ล้านบาท ในความผิดฐานละเมิดปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ

“เจ๊แป๋ว” มีแผลที่ ก.ล.ต.

ด้าน “มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล”น้องสาว “ทักษิณ” อีกรายที่มีข่าวว่าเป็นคู่ชิงเก้าอี้ผู้นำในพรรคเพื่อไทย ต่อจากยิ่งลักษณ์ ก็มีแผลที่ต้องระวังหากจะลงเล่นการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง เพราะก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เพียงวันเดียวคณะกรรมการเปรียบเทียบ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนางมณฑาทิพย์ และนายสมชัย โกวิทเจริญกุล (สามี) เป็นเงินรวม 9,670,432.91 บาท กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK)

โอ๊คลุ้นคดีฟอกเงินกรุงไทย

สำหรับคดีของ “พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายคนโตของ “ทักษิณ” ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างเรียกมาให้ข้อมูลเรื่องคดีความผิดฐานฟอกเงิน อันสืบเนื่องจากคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้แก่กลุ่มกฤษดามหานคร เนื่องจากปรากฏชื่อเป็นผู้รับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร

วิบากกรรมเครือญาติตระกูลชินวัตร ยังไม่จบแค่บ่วงจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาจะชี้ชะตา “ยิ่งลักษณ์” ใน 25 ส.ค. 2560