“บี” พบ “บิ๊กตู่” รับหน้าที่พีอาร์ผลงาน ขอมา2ครั้ง ไม่มีสิทธิปฏิเสธ ภารกิจกปปส.จบทุกคนแยกย้าย

เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 13 กันยายน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้ารายงานตัวและรับมอบหมายงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ 50 นาที ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายงานให้ 1.ติดตามผลงานที่รัฐบาลได้ทำไว้แล้ว ซึ่งมีมากพอสมควร จึงอาจจะมีการเพิ่มเติมเรื่องการสื่อสารในบางส่วน ว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาอย่างไร ถึงขั้นตอนใด และจะใช้เวลาเท่าใด 2.ประสานงานแก้ไขปัญหาการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนในทุกรูปแบบ ทั้งทางศูนย์ดำรงธรรม และอื่นๆ หากปัญหาใดมีความเร่งด่วน ก็จะสรุปส่งนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ทำงานกับท่านโดยตรงที่ตึกไทยคู่ฟ้า เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ในการแต่งตั้งครั้งนี้ อย่าเพิ่งมองว่าเป็นเรื่องการเมือง หรือเตรียมการเลือกตั้ง เพราะการเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ ไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวข้องกับการเมือง มีเพียงการทำงานก็เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานจำนวนมาก แต่อาจยังไม่มีการสื่อสารให้ประชาชนได้เข้าใจเพียงพอ จึงต้องมาสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้ประชาชน แต่ไม่ถึงขั้นเป็นโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งนี้เคยมีมาแล้วในรัฐบาลก่อนๆ และก่อนมาก็ได้พูดคุยกับคนในประชาธิปัตย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มา 18 ปี มีความผูกพันกันมาก และการมาครั้งนี้ก็ไม่มีปัญหาผิดใจอะไรกัน แต่เอาเรื่องงานเป็นตัวตั้ง ซึ่งทางพรรคมีความเข้าใจ เพราะเป็นทางที่ตนเลือกแล้ว

เมื่อถามว่า นายพุทธิพงษ์ เป็นแกนนำ กปปส. และมีคดีความ หลายคนจึงมองว่าการมาครั้งนี้เป็นเพราะมีข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ทุกท่านสามารถมองได้เช่นนั้น แต่ในเรื่องของคดีความ ทุกอย่างยังเป็นไปตามกระบวนการปกติ ซึ่งตนได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยศาลชั้นต้นได้นัดตรวจสอบพยานปีหน้า ไม่มีเรื่องใดที่จะมาทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะวันนี้ยังถือว่าบริสุทธิ์ จึงไม่มีความกังวล เหมือนกับที่หลายๆ คนยังทำงานปกติ เมื่อศาลยังไม่ตัดสิน

เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการแต่งตั้งนายสกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองผู้ว่า กทม. จากนี้จะมีการแต่งตั้งคนอื่นๆ ในสี่ทหารเสือ กปปส. ที่เหลืออยู่ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายชุมพล จุลใส มาร่วมงานกับรัฐบาลหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า อย่าคิดว่าทุกคนต้องเหมือนกันหมด เพราะแต่ละคนก็มาเติมเต็มในตำแหน่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ยืนยันว่าเจตนารมณ์และอุดมการณ์ที่เราต้องการปฏิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบยังคงอยู่ ซึ่งไม่ขัดกับสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำ เพราะเรามีความตั้งใจเหมือนกัน

“การรับตำแหน่งครั้งนี้ ไม่มีเงื่อนไขผูกติดอะไรกับการที่พวกเราเป็น กปปส. ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณเอง อดีตเลขา กปปส. ก็ไปตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งไม่มีชื่อพวกผม เมื่อภารกิจของ กปปส. หมดไป ทุกคนแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง และการมาครั้งนี้ก็ไม่ได้ปรึกษานายสุเทพ โดยมีบุคลากรของรัฐบาลเป็นผู้ติดต่อมา อาจมองว่าเราทำงานการเมืองมา 18 ปี และ 2-3 ปีมานี้ ผมก็ถอยจากกิจการของพรรคไปมาก เพื่อไปอยู่กับครอบครัว ไม่ได้ออกมาพูดจาให้สื่อมวลชนได้นำเสนอ ผมจึงพิจารณาอยู่สักเวลาหนึ่ง และก่อนหน้านี้ คนในรัฐบาลได้ทาบทามผมแล้วครั้งหนึ่ง ให้ไปช่วยงานรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานบอร์ด ททท. แต่เวลานั้นผมไม่สะดวก ไม่พร้อม จึงได้ขอโทษทางผู้ใหญ่ไป” นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า เมื่อได้โอกาสจาก พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งหนึ่ง ตนจึงไม่มีสิทธิปฏิเสธเลย เพราะถ้าผู้ใหญ่ขอมาสองครั้ง และจะปฏิเสธทั้งสองครั้ง คงไม่เหมาะสมแน่ ตนเข้ามาทำงานจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขอื่น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีความเข้าใจ เพราะตนก็ต้องคิดเรื่องอนาคตตัวเองในพรรคเก่าด้วย แต่ความสัมพันธ์ของตนและคนในพรรค ยังเป็นเพื่อนและพี่น้องกันอยู่ ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้ระบุว่าให้ดูพื้นที่ กทม. เป็นพิเศษ แต่หากมีปัญหาในพื้นที่ใดก็สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามอีกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า อาจเร็วไปที่จะตอบคำถามนี้ นี่ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่วันนี้การปลดล็อกยังไม่เกิดขึ้นเลย กฎหมายลูกต่างๆ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ยืนยันว่าตนเข้าใจมารยาททางการเมืองดี หากจะต้องกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลง ส.ส.เขต ซึ่งตอนเดินลงพื้นที่หาเสียงคงไม่เหมาะสม หากตนมีตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย จึงคิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า คงไม่กลับไปสมัคร ส.ส. เขต กับพรรคประชาธิปัตย์

ถามว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะยังไม่เริ่มทำงานกับรัฐบาลเลย จึงขอให้ดูตามเนื้องานและความสัมพันธ์ที่ดี หากสามารถพัฒนาแก้ไขปัญหาของประชาชนได้จริง ทำงานด้วยกันอย่างเต็มกำลังถึงค่อยมาตัดสินใจในอนาคต

เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้มาประสานงานทางการเมือง เนื่องจากใกล้เลือกตั้งแล้ว นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำเรื่องนั้น และไม่ใช่เงื่อนไขที่มารับงานครั้งนี้ จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีเรื่องนั้นหรือไม่ เพราะนายกฯเองก็ยังไม่ชัดเจน ว่าอนาคตทางการเมืองจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะอยู่พรรคการเมืองใด ตนจึงยังคงทำงานอยู่กับนายกฯ

 


ที่มา : มติชนออนไลน์