“สุเทพ”ปัดอยู่เบื้องหลังดัน”หมอวรงค์”ชิงเก้าอี้หัวหน้าปชป.-ย้ำทุ่มเท”ชีวิต-ความคิด”ให้กับพรรครปช.

“สุเทพ”ปัดอยู่เบื้องหลังดัน”หมอวรงค์”ชิงเก้าอี้หัวหน้าปชป.-ย้ำทุ่มเท”ชีวิต-ความคิด”ให้กับพรรครปช.เพื่อสร้างพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้ไลฟ์สดในเพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ชี้แจงถึงกรณีที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พาดหัวระบุว่า ตนเองอยู่เบื้องหลังในการผลักดัน น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ภายหลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอกระบวนการ ‘การหยั่งเสียงหัวหน้าพรรค’ ว่ากรณีดังกล่าว ตนเห็นว่าอาจจะเกิดความสงสัยไม่เข้าใจ เพราะในพาดหัวข่าว ระบุว่าตน ผลักดันให้ น.พ.วรงค์ ลงไปสมัครรับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งข่าวนี้ มีผลเป็นบวกเป็นลบกับใครหลายๆ คน ทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ และคนนอกพรรค ดังนั้น ตนจึงขอเรียนถึงข้อเท็จจริง ให้กับพี่น้องมวลมหาประชาชนทั้งหลาย ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตน ได้ทราบข้อเท็จจริง เพราะจุดยืนทางการเมืองของตนในขณะนี้ คือการทำการเมืองต้องมีเป้าหมายเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชาติ และผลประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น ซึ่งมวลมหาประชาชนได้เห็นพ้องแล้วว่า การที่จะทำให้ชาติอยู่รอดปลอดภัย การที่จะทำให้ประชาชนมีความผาสุกอยู่ได้ ต้องดำเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ โดยทันที และต้องทำให้สำเร็จ และการปฏิรูปประเทศที่มวลมหาประชาชนเห็นพ้องต้องกัน ก็คือ การปฏิรูปการเมือง ซึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การปฏิรูปพรรคการเมือง นักการเมือง เพราะในส่วนของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง และการเลือกตั้งนั้น ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ดำเนินการเป็นที่พอใจของประชาชนแล้ว เหลือแต่เรื่องพรรคการเมือง และนักการเมือง ซึ่งประชาชนต้องทำกันเอง

“ในสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนี้ ถึงเวลาแล้วครับ ที่ประชาชนจะต้องเป็นเจ้าของพรรคการเมือง ถึงเวลาที่ประชาชนจะต้องเป็นผู้กำหนดทิศทาง นโยบาย และตัวบุคคล ที่จะมาทำหน้าที่ในทางการเมือง และคนเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตรวจสอบของประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ ประพฤติตนตามกรอบวินัยและจริยธรรม ดังนั้น พรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ไม่เคยมีในประเทศไทย และจำเป็นที่จะต้องมีแล้วในวันนี้” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ตนเคยพูดกับคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาเยี่ยมเยียนตน ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ น.พ.วรงค์ เป็นต้น ว่าจะต้องทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ตนตัดสินใจที่จะร่วมอุดมการณ์กับประชาชนที่เสี่ยงชีวิตในการต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดินมาด้วยกัน ร่วมกันจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โดยมีเป้าหมายให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งตนเองเป็นแกนนำ กปปส. เพียงคนเดียว ที่อยู่พรรคนี้ โดยตั้งแต่ที่ตนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมาร่วมต่อสู้กับประชาชนนั้น ก็ได้ประกาศชัดเจนว่า จะไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว ไม่ประสงค์ที่จะไปแย่งชิงตำแหน่งกับใครทั้งสิ้น และถึงแม้ว่า ตนจะมีส่วนในการผลักดัน ออกแรง ทุ่มเทความคิดเห็น เพื่อจะร่วมสร้างพรรค รปช. ตนก็ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในพรรคนี้ และจะไม่ลงสมัคร ส.ส. และตำแหน่งทางการเมืองอื่นใดทั้งสิ้น โดยตนตั้งใจอย่างเดียวว่า จะสร้างพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาให้ได้ในประเทศนี้ เพื่อทำงานรับใช้พระมหากษัตริย์ พระศาสนา และประชาชาติชาวไทย ซึ่งนี่คือจุดยืนทางการเมืองที่ตนตั้งใจทำ

“วันนี้เราเห็นว่า ต่อไปนี้ประเทศชาติ จะต้องกำหนดทิศทาง กำหนดนโยบาย โดยประชาชน ประชาชนต้องเป็นผู้ออกคำสั่ง และเป็นผู้สั่งการ ประชาชนไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นผู้มีส่วนร่วม ต้องลงมือทำเอง นักการเมืองต้องรับใช้และปฏิบัติตามคำสั่งของประชาชน ทำความหวังและความฝันของประชาชนให้เป็นจริง ” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่า แกนนำที่สนิทชิดเชื้อกับตน ไม่ว่าจะเป็น นายถาวร เสนเนียม น.พ. วรงค์ ถึงแม้ไม่ได้เป็นแกนนำ แต่ก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเผยแพร่เรื่องราวการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว จนมาสู่การพิจารณาคดี ทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมาย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ดังนั้น คนเหล่านี้บอกกับตนว่าจะกลับไปอยู่และทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้หมายความตนจะไปมีอำนาจก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในพรรค ฯ เช่นเดียวกันกับ กรณีของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ได้มีการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กรณีของนายสกลธี ภัททิยกุล ที่ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกรณีของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ตนก็ยินดีกับพวกเขาด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตนจะไปเกี่ยวข้องในการทำงานของรัฐบาล เพราะตนก็ระมัดระวังตัวเองอยู่


“วันนี้ผมทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจ เพื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทยเท่านั้น ผมตั้งใจให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ให้เป็นเจ้าของพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก ผมตั้งใจที่จะเห็นพี่น้องประชาชนชาวไทย เป็นผู้กำหนดทิศทางของบ้านเมือง กำหนดนโยบายของบ้านเมือง ผมต้องการเห็นพี่น้องประชาชน สั่งการนักการเมืองได้ ควบคุมนักการเมืองให้อยู่ในวินัยและจริยธรรม มาร่วมกับผมดีกว่าครับ มาร่วมพรรคการเมืองที่แท้จริงของประชาชน ก็คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย มาทำงานให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัย ให้ประชาชนมีความผาสุกด้วยกัน” นายสุเทพกล่าว