“คสช.” จวกฝ่ายการเมืองฉวยโอกาสดิสเครดิตสร้างภาพลบประเทศ

‘คสช.’ แจง รบ.ให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน จวกฝ่ายการเมืองฉวยโอกาสดิสเครดิต สร้างภาพลบประเทศ

เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) กล่าวถึงกลุ่มการเมืองนำรายงานประจำปีของผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุไทยติดใน 38 ประเทศว่าเป็น “ประเทศที่น่าละอาย” มาใช้ขยายผลเพื่อให้ดูเป็นผลลบต่อประเทศไทยนั้น ว่า การรับฟังข่าวสารทางสังคม ช่วงนี้ ต้องใช้วิจารณญาณพอสมควร พบมีบางบุคคลยังคงพยายามหยิบยกเหตุการณ์ ในวาระต่างๆ บางมุม บางข้อมูล มาแสดงความคิดเห็น หรือทัศนคติส่วนตัว เพื่อให้เกิดผลกระทบกับความน่าเชื่อถือรัฐบาล และ คสช.

พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ซึ่งกรณีเรื่องรายงานประจำปีของผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นนั้น เนื้อหาในรายงานอ้างว่ามีการปฏิบัติไม่ดีต่อนักสิทธิมนุษยชน โดยระบุถึงกรณีนายไมตรี จำเริญสุขสกุล และ น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ทนายจูน) และมีกรณีเรื่องติดตามจากรายงานของปีที่แล้ว เช่น กรณีฟ้องร้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภายใต้

“ซึ่งทั้งสามกรณี ไม่น่าเกี่ยวข้องกับความร่วมมือในด้านสิทธิมนุษยชน เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญในการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาตลอด ปัจจุบันได้มีการจัดทำมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยได้พัฒนากระบวนการกลไก และมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนให้ได้รับความปลอดภัยและสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการปฏิบัติงานอย่างดี” โฆษก คสช.กล่าว และว่า จากข้อมูลที่ได้ทั้ง 3 กรณีเป็นลักษณะเหตุเฉพาะบุคคล ที่มีกรณีเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมาย จึงอาจมีการการดำเนินการเป็นไปตามหลักกฎหมายปกติ เช่น กรณีที่เคยมีการฟ้องร้องนักสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภายใต้ ก็เป็นเรื่องที่ทางองค์กรหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ถูกนักสิทธิมนุษยชนละเมิดในเรื่องภาพลักษณ์ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่มีความละเอียดอ่อน

พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ข้อมูลในรายงานมีที่มาอยู่ในกรอบที่จำกัด หรืออาจมีที่มาจากเพียงบุคคลเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ส่วนการมีบางบุคคลนำประเด็นมาขยายผลใช้ในมุมที่เป็นลบนั้น เท่าที่มีข้อมูลพบว่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเดิม เชื่อสังคมปัจจุบันส่วนใหญ่รู้เท่าทัน และมีพัฒนาการในการรับฟังเรื่องราวต่างๆ อย่างมีเหตุผลโดยอาศัยวิจารณญาณที่สมดุลเพียงพอ ไม่โอนเอียงไปตามกระแสเป้าหมายนัยยะทางการเมืองของบางบุคคล

 

ที่มา มติชนออนไลน์