“จาตุรนต์” ชี้ปมยูเอ็นจัดอันดับไทย แนะคสช.ควรสำนึกผิดเสียบ้าง ไม่ใช่เที่ยวตำหนิคนวิจารณ์

จาตุรนต์ ฉาย​แสง

วันนี้ (17 ก.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กระบุว่า ใครกันแน่ทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย

ตามที่คสช.ออกมาโต้ว่ารายงานประจำปีของผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งจะใช้ประกอบการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติต่อไป ข้อมูลไม่รอบด้าน เพราะที่ผ่านมาคสช.มีมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีมาตลอด ไม่ทราบว่าเอาอะไรมาพูด

สาเหตุที่เขาจัดประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นประเทศน่าละอายนั้นเพราะเขาได้ข้อมูลว่ามีการลงโทษบุคคลที่ร่วมมือกับสหประชาชาติและพบว่ารัฐบาลในประเทศเหล่านั้นมักตั้งข้อหานักสิทธิมนุษยชนด้วยข้อหาก่อการร้าย หรือตำหนิว่าไปร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศหรือทำลายชื่อเสียงของประเทศ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติคนนี้ยังบอกด้วยว่ากรณีที่อยู่ในรายงานเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง หมายความว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นอยู่ และยังบอกด้วยว่าพบการใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางการเมืองการปกครองข่มขู่หรือปิดปากภาคประชาสังคมหรือพลเรือนมากขึ้นด้วย

เรื่องที่เขาค้นพบ ฟังแล้วใครๆก็ต้องบอกว่าคุ้นๆและเชื่อได้ว่าข้อมูลที่เขาได้เกี่ยวกับประเทศไทยคงไม่คลาดเคลื่อน ถ้าจะมีปัญหาก็อาจจะเป็นว่าเขายังค้นพบหรือได้รับรายงานปัญหาไม่มากเท่ากับที่เกิดขึ้นจริงเพราะผู้ประสบกับการข่มขู่คุกคามอาจจะไม่กล้ารายงานก็ได้

ไม่ต้องดูอะไรมาก การแถลงข่าวเกี่ยวกับรายงานด้านสิทธิมนุษยชนที่จัดขึ้นในเมืองไทยถูกห้ามไปกี่ครั้งแล้ว และการที่คสช.ออกมาตำหนิผู้ที่พูดถึงรายงานฉบับนี้ว่ามีบางฝ่ายไปขยายผลทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศ ก็เท่ากับตอกย้ำว่าข้อมูลที่เขาพบเป็นเรื่องจริงและพร้อมที่จะเกิดมากขึ้นอยู่เสมอ

การพูดว่าคสช.และรัฐบาลนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกจัดเป็นประเทศน่าละอายไม่ใช่เรื่องใส่ร้ายขยายผล แต่เป็นการช่วยให้คสช.และรัฐบาล รู้สึกสำนึกผิดเสียบ้างเพื่อรีบปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะถึงการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ซึ่งถ้าเขาได้ข้อมูลว่าคสช.เที่ยวออกมาตำหนิหรือปรามผู้ที่วิจารณ์ ก็จะยิ่งนำไปสู่ข้อสรุปที่เป็นผลเสียต่อประเทศไทยมากขึ้น

 

ที่มา มติชนออนไลน์