“บิ๊กตู่”ยันซื้อขีปนาวุธฮาร์พูนเป็นไปตามงบประมาณ ระบุซื้อไว้ป้องกัน-ฝึกรบร่วม ถามกลับมีเรือแต่ไม่มีอาวุธจะต่อมาทำไม

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2560 เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกองทัพเรือยอมรับว่าซื้อขีปนาวุธอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนที่ระบุว่าเป็นไปตามวงรอบนั้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การซื้อขีปนาวุธอยู่ในงบประจำปีอยู่แล้ว ไม่ได้มาเพิ่มเติมในงบกลางแต่อย่างใด โดยเป็นเรื่องของการต่อเรือฟริเกต ซึ่งจะต้องดูแลอธิปไตยซึ่งงบประมาณการต่อเรือฟริเกตนั้นรวมถึงงบประมาณในระบบอาวุธเหมือนยุทโธปกรณ์ติดเรือด้วย

“ที่ผมบอกว่าไม่รู้เพราะมันอยู่ในงบประมาณตรงนี้ด้วย ซึ่งผมเองก็จำไม่ได้หรอก เป็นการซื้อตามระบบ ถ้ามีเรือแล้วไม่มีอาวุธแล้วมันจะต่อมาทำไม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” นายกฯกล่าว

ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตการจัดสรรงบประมาณประจำปีของกระทรวงกลาโหมปี 61 ที่เพิ่มขึ้นถึง 2.2 แสนล้านนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

“มันเพิ่มมาตามลำดับของแต่ละปี ทุกกระทรวงก็เพิ่มมาแบบนี้ สัดส่วนมีอยู่ ซึ่งไม่ได้เกินงบประมาณงบกลางทั้งหมดของประเทศ มันน้อยกว่าสัดส่วนจริงๆ ด้วยซ้ำไป และเห็นถึงความจำเป็นของภาคส่วนอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเกษตร สาธารณสุข การศึกษาซึ่งเป็นงบส่วนใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญทุกอย่าง ขณะเดียวกันก็ทิ้งด้านความมั่นคงไม่ได้ เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของเสถียรภาพของเรา ซึ่งเราไม่ได้หวังว่าจะซื้ออาวุธไปรบกับใคร แต่เราซื้อเพื่อไว้คุ้มครองทรัพยากรทางบกทางทะเลของเรา เพราะรอบบ้านก็ยังมีปัญหาอยู่”

นายกฯยังระบุต่อไปว่า ที่งบประมาณสูงขึ้นเพราะว่ารัฐบาลที่ผ่านมานั้นไม่ได้ซื้อ ทุกรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ซึ่งอาวุธ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็ชำรุดเสียหาย และจะต้องเสียงบซ่อมจำนวนมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องจัดหาเท่าที่มีความจำเป็นเท่าที่ทำได้


“ส่วนหนึ่งเอาไว้ป้องกันตัวเอง อีกส่วนไว้ฝึกรบร่วมกับนานาประเทศ แล้วถ้าเรามียุทโธปกรณ์สับปะรังเคไปฝึกกับเขา มันไหวไหม มันจะวิ่งตามเขาทันหรือไม่ ให้คิดอย่างนี้บ้าง” นายกฯกล่าว