“เพื่อไทย” นัดอดีตรัฐมนตรี-ส.ส.หารือ 26 ก.ย.ก่อนประชุมใหญ่พรรคต้นเดือนตุลา แกนนำเตรียมเดินสายหาสมาชิกพรรค

แฟ้มภาพ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์

ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค น.ส.อนุตตมา อรมวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการพรรคชุดรักษาการ เพื่อยกร่างข้อบังคับการประชุม ทั้งนี้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยกัน เป็นการยืนยันความชัดเจนว่า พรรคยังมีชีวิตอยู่ และจะยังมีชีวิตต่อไปเพื่อดำเนินภารกิจของเราที่ดำเนินการมาแล้ว เพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียง และสามารถที่จะเอาสิ่งต่างๆ ที่เป็นหัวใจของพรรคไปสู่ประชาชน คือการเดินการเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ มีเรื่องที่ต้องถกเถียง พูดคุยกับ กกต.ในวันที่ 28 กันยายนนี้ เพราะมีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง

“สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ไม่ว่าจะการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ถือเป็นการกระทำที่มีโอกาสเข้าหาพี่น้องประชาชนในการดำเนินการ ซึ่งหากปกติเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยการกระทำแบบนี้คงไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่ ดังนั้น ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรค สามารถดำเนินบทบาทได้เช่นกัน การทำกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ใช่เพื่อไปทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่เพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้เกิดความชัดเจนว่า ในสภาวะที่เรารู้สึกว่าบ้านเมืองของเรามีปัญหา ยังไม่ปกติ เราจะร่วมมือกันกับสถาบันทางการเมือง และพรรคการเมืองจะนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤต แล้วเดินไปสู่ชีวิตที่ทุกฝ่ายปรารถนาได้อย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า อีกประเด็นที่พรรคได้คุยกันคือ การเตรียมการทั้งหมดเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น 1.ปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เกิดความชัดเจนตามข้อกฎหมายใหม่ และ 2.เลือกกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคใหม่ โดยจะมีการเรียกประชุมใหญ่พรรคเพื่อดำเนินการในวันพุธที่ 3 ตุลาคมนี้ แต่ในเบื้องต้น 17.00 น. วันนี้ จะนำขึ้นข้อบังคับพรรค อุดมการณ์พรรค คำประกาศเจตนารมณ์ของพรรค เผยแพร่บนเว็บไซต์ของพรรค และนโยบายของพรรคประกาศขึ้นบนเว็บไซต์ของพรรคตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นวันที่ 26 กันยายนนี้ เราจะเชิญนักการเมือง อดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรีของพรรคทั้งหมดมาร่วมกันหารือ เพื่อนำข้อบังคับมาดูกันอย่างละเอียด ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่วันที่ 3 ตุลาคม เพื่อรับรองข้อบังคับ และวันที่ 25 กันยายนเป็นต้นไป ก็จะเปิดทำการรับสมัครสมาชิกใหม่ทันที หลังจากนั้นแกนนำพรรคจะเดินสายไปรับสมัครสมาชิกพรรคตามพื้นที่ต่างๆ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งสาขาพรรค 4 แห่ง คือ สาขาพรรคประจำภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคอีสานที่จังหวัดอุดรธานี ภาคกลางที่สมุทรปราการ และภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช เพราะสาขาพรรคเดิมจะหมดสภาพไปอยู่แล้ว ส่วนกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรคเราจะเลือกทันทีโดยกำหนดไว้คร่าวๆ ในวันที่ 28 ตุลาคม หรือหากดำเนินการทุกอย่างตามข้อกฎหมายที่จำเป็นต้องทำทั้งหมด แล้วมีความพร้อม เราอาจจะประชุมก่อนวันที่ 28 ตุลาคมก็เป็นไปได้ โดยสิ้นเดือนตุลาคมเราต้องทำให้เสร็จภารกิจทั้งหมด

นายภูมิธรรมกล่าวถึงสัดส่วน กก.บห.พรรคชุดใหม่ว่าจะมี 21 คน สำหรับคนที่จะเป็นหัวหน้าพรรค จะต้องเป็นคนที่สมาชิกให้การยอมรับ มีวิสัยทัศน์ และมองโลกที่ปลี่ยนแปลงไปได้ทันเหตุการณ์ ซึ่งพรรคมีบุคลากรที่มีศักยภาพ อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายโภคิน พลกุล นายชัยเกษม นิติสิริ นายชูศักดิ์ ศิรินิล หรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ต่างก็เป็นคนที่มีความเหมาะสมทั้งสิ้น โดยคนที่จะมาเป็นผู้นำพรรคสำคัญจะต้องเป็นคนที่ทำหน้าที่ในสถานการณ์ที่พิเศษได้

“มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้จำนวน ส.ส. อันดับหนึ่ง เราจะร่วมมือกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้สามารถที่จะนำนำสังคมไทยพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ได้ ขณะนี้ทิศทางการเมืองและทิศทางการเมืองเลือกมีอยู่ 2 ฝ่าย คือฝ่ายปกครองประเทศอยู่ปัจจุบัน ซึ่งมีสภาพการเมืองและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิม หรือจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตยที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นฝ่ายประชาธิปไตยของเราเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นที่ฟรีและแฟร์ ฝ่ายประชาธิปไตยจะมีส่วนได้รับการสนับจากประชาชนมากที่สุด” รักษาการเลขาธิการพรรคกล่าว

ด้านนายชูศักดิ์กล่าวถึงการจำนวนเขตเลือกตั้งที่ลดลง จาก 375 คน เหลือ 350 คน ว่าเมื่อมีการลดจำนวนเขตลง พรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบมากสุด รองลงมาคือพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อกฎหมายเป็นเช่นนี้เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ต้องเดินหน้าเลือกตั้งไปตามบริบท ดังนั้น เราได้มอบหมายให้ผู้สมัครในแต่ละจังหวัดไปรอดูว่า กกต. จังหวัด มีการแบ่งเขตอย่างไร ซึ่งเราเห็นว่าในเขตใดที่ ส.ส. มีจำนวนเท่าเดิมไม่ควรแบ่งเขตใหม่และให้ยึดการแบ่งเขตเดิม แต่ควรจะแบ่งเขตใหม่ในพื้นที่มีจำนวนลดลงหรือเพิ่มขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ให้สมาชิกจับตาว่ามีการแบ่งเขตแบบกระโดดเขตหนึ่งไปอีกเขตหนึ่งหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่ามีการต่อรองแบ่งเขตกับสมาชิกของพรรคให้มาร่วมกับงานด้วยถ้าไม่ไปก็จะมีการแบ่งเขตใหม่ และหาก กกต.จังหวัดแบ่งเขตไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ก็ขอให้สมาชิกร้องคัดค้านไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง