สรุปมติครม. 25 ก.ย. ’61 วาระ’แต่งตั้ง-โยกย้าย’ ครบทุกตำแหน่ง ที่นี่ !!

วันที่ 25 กันยายน 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตร ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ และพันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกเหนือจากวาระอื่นๆที่สำคัญแล้ว “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” สรุปวาระ เรื่องการ“แต่งตั้ง-โยกย้าย” ข้าราชการ(เรื่องที่21-33) ดังนี้

21. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตีเสนอรับโอน พลตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแน่งที่ว่าง โดย พลตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ฯ แสดงความประสงค์และสมัครใจในการไปรับราชการที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนข้าราชการดังกล่าว

22. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ดังนี้

1. นายเอนก มีมงคล ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

2. นายวิโรจน์ นรารักษ์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามลำดับ

23. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน 3 ราย ดังนี้

1. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส

2. นายรัศม์ ชาลีจันทร์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน

3. นายทศพร มูลศาสตรสาทร เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ

24. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอแต่งตั้ง นางสาวอัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

25. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 24 ราย ดังนี้

1. นายกมล เชียงวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

2. นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดจันทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

3. นายนิพันธ์ บุญหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดแพร่ สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

4. นายปิยะ วงศ์ลือชา รองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

5. ว่าที่ ร.ต.พิเชียน ลิมป์หวังอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

6. นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดปทุมธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

7. นายรังสรรค์ ตันเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

8. นายสมชาย บำรุงทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

9. นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดเชียงราย สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

10. นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดตาก สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

11. นายเชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดชลบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

12. นายลือชัย เจริญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดปัตตานี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดตรัง สำนักงานปลัดกระทรวง

13. นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนราธิวาส สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนราธิวาส สำนักงานปลัดกระทรวง

14. นายวรกิตติ ศรีทิพากร รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดน่าน สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดน่าน สำนักงานปลัดกระทรวง

15. นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง

16. นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครนายก สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพิจิตร สำนักงานปลัดกระทรวง

17. นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง

18. นายชยันต์ ศิริมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดมุกดาหาร
สำนักงานปลัดกระทรวง

19. นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสตูล สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสตูล สำนักงานปลัดกระทรวง

20. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง

21. นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอุทัยธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสุโขทัย
สำนักงานปลัดกระทรวง

22. นายชัยธวัช เนียมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดหนองบัวลำภู
สำนักงานปลัดกระทรวง

23. นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอ่างทอง
สำนักงานปลัดกระทรวง

24. นายณรงค์ รักร้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอุทัยธานี
สำนักงานปลัดกระทรวง

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

26. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง นายปรีชา สุนทรานันท์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายอุดม คชินทร)] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป

27. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างลง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

28. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน จำนวน 5 ตำแหน่ง ได้แก่

1. ย้ายนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช รองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน

2. ย้ายนางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน

3. ย้ายนายยงยุทธ จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน

4. ย้ายนายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน

5. ย้ายนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงาน (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

29. เรื่อง ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์
ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว

30. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
จำนวน 7 คน ดังนี้

1. นางอรทัย ศิลปนภาพร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร

2. นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม

3. นางอุบล มลิลา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ

4. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ

5. นายสิงห์ชัย อรุณวุฒิพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชีและการเงิน การคลัง

6. นายชยงการ ภมรมาศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ

7. นางสาวนุชนาถ เกษมพิบูลย์ไชย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2561 เป็นต้นไป และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย

31. เรื่อง ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เสนอให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ 7 ตุลาคม 2561 คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ
ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2561 จำนวน 5 ราย ดังนี้

1. นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)

2. ศาสตราจารย์ไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในบังคับบัญชารองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)

3. พลเอก รุ่งโรจน์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

4. พลตำรวจโท ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

5. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม อยู่ในบังคับบัญชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

32. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน จำนวน 6 คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ดังนี้

1. นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ

2. นายประสัณห์ เชื้อพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี

3. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร

4. นายศักดา ธนิตกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์

5. นายเสน่ห์ นิยมไทย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม

6. นางวริชนันท์ ต่อวงศ์ไพชยนต์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป

33. เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 232/2561 เรื่อง มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค

ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 325/2560 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 334/2560 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 ไปแล้ว นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พ.ศ. 2547 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 ประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 221/2561 เรื่อง กำหนดพื้นที่การตรวจราชการของผู้ตรวจราชการ ลงวันที่ 10 กันยายน 2561 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 325/2560 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 334/2560 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่

1.1 รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการภาคกลาง ดังนี้
1) เขตตรวจราชการที่ 1 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
2) เขตตรวจราชการที่ 2 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคกลางปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรปราการ
3) เขตตรวจราชการที่ 3 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี
4) เขตตรวจราชการที่ 4 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร

1.2 รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนี้
1) เขตตรวจราชการที่ 10 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี

2) เขตตรวจราชการที่ 11 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร

3) เขตตรวจราชการที่ 12 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด

4) เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์

5) เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี

1.3 รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการภาคตะวันออก ดังนี้
1) เขตตรวจราชการที่ 8 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก 1 ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง

2) เขตตรวจราชการที่ 9 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก 2 ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว

1.4 รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการภาคเหนือ ดังนี้

1) เขตตรวจราชการที่ 15 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน

2) เขตตรวจราชการที่ 16 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่

3) เขตตรวจราชการที่ 17 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดตาก จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์

4) เขตตรวจราชการที่ 18 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี

1.5 รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ดังนี้
1) เขตตรวจราชการที่ 5 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ จังหวัดสงขลา

2) เขตตรวจราชการที่ 6 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง และจังหวัดสตูล

3) เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา

1.6 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ช่วยปฏิบัติงานในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา

1.7 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ช่วยปฏิบัติงานในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ดังนี้

1) เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์

2) เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี

2. การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคตามคำสั่งนี้ หมายถึง การตรวจราชการ การขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรายงานเหตุการณ์และผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์จังหวัด การประสานราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์จังหวัด ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมการเร่งรัด การติดตามผล การให้คำแนะนำช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ โดยให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย

3. ให้รองนายกรัฐมนตรีรายงานปัญหาอุปสรรค แนวทางการแก้ไข ตลอดจนข้อเสนอแนะต่าง ๆ อันเนื่องจากการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการหรือพื้นที่ในความรับผิดชอบ ต่อนายกรัฐมนตรี

4. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีประจำเขตตรวจราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีติดภารกิจจำเป็นเร่งด่วน สามารถมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีประจำเขตตรวจราชการปฏิบัติหน้าที่แทนแล้วรายงานผลการปฏิบัติงานให้ทราบต่อไป

5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวง และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด ที่เกี่ยวข้องเสนอข้อมูล อำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ด้วย

6. ให้เบิกค่าใช้จ่ายในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจากงบประมาณของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมวดเงินอุดหนุนทั่วไป โครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป