“หมอวรงค์” ถือฤกษ์ 09.19 ออกสตาร์ต ชิงหน.พรรค ชูสโลแกน “กล้าเปลี่ยนเพื่อปชช.”

“หมอวรงค์” ถือฤกษ์ 09.19 ออกสตาร์ท ชิงหน.พรรค รับเป็นมวยรอง ต้องขยันกว่าแชมป์ 3-5 เท่า ยึดสโลแกน “กล้าเปลี่ยนเพื่อปชช.” เร่ขายฝัน ไทยต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศชั้นนำของโลก

เมื่อเวลา 09.19 น. วันที่ 27 กันยายน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ พร้อมด้วยผู้สนับสนุน ทั้งนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรค, นายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีตส.ส.แม่ฮ่องสอน, นายสำราญ ศรีแปงวงค์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร, นายพุฒิพงศ์ สงวนวงศ์ชัย อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ได้เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่พรรคปชป.เพื่อเอาฤกษ์ก่อนเปิดตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป. อย่างเป็นทางการที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ในเวลา 17.00 น. จากนั้น นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนที่ตนจะไปทำภารกิจใหญ่ จึงได้เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพราะถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพรรค และเย็นวันนี้ตนจะไปทำพิธีบวงสรวงใหญ่ สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเป็นศิริมงคล พร้อมแถลงความในใจ และความฝันว่าจะทำอะไรบ้างให้กับพรรคปชป. และประเทศ

เมื่อถามถึงจุดขายที่นำมาสู้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ที่มีแฟนคลับทั่วประเทศ และฐานเสียงของพรรคที่มี 2.5 ล้านคนนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่าเรากล้าเปลี่ยน ดังนั้นสโลแกนที่จะใช้คือ “กล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชน” เพราะคำว่ากล้าเปลี่ยนได้สะท้อนทุกอย่างในทีมของตน ว่าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในพรรคให้ดีขึ้น และเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ตนไม่หนักใจกับผู้มีสิทธิ์โหวต 2.5 ล้านเสียง เพราะการทำงานครั้งนี้เราใช้ใจทำงานอยู่แล้ว และเชื่อว่าสมาชิกที่มีสิทธิในการหยั่งเสียง จะสัมผัสใจเราได้ว่า เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ดังนั้นเราพร้อมสู้ในทุกเงื่อนไขและทุกกติกา แต่ขอย้ำว่าต้องสู้แบบสร้างสรรค์ เพราะทุกคนคือมิตรและพี่น้องกัน

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า นอกจากกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์แล้ว ยังมีสมาชิกพรรคอีกมากส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นรุ่นพี่ที่มีความคิดสมัยใหม่ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเย็นนี้เราจะไปเจอกันที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่ามีอดีต ส.ส. ที่สนับสนุนตนจำนวนเท่าไหร่ เพราะหลายคนมีความรู้สึกว่าเกรงใจผู้ใหญ่บางคน จึงไม่อยากเปิดตัว แต่ทุกคนก็ช่วยตนทำงาน

เมื่อถามว่าการหาเสียงกับฐานคะแนนจะทำอย่างไร นพ.วรงค์ กล่าวว่าขอรอดูความชัดเจนของกติกา ซึ่งเชื่อว่าในเวลา 1 เดือน จะเริ่มรู้ว่ามีการหยั่งเสียงเมื่อใด แต่เนื่องจากเราเป็นมวยรองจึงต้องขยัน ตนจำได้ว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เคยสอนว่า พวกเราเป็นมวยรอง เป็นผู้สมัครใหม่ ต้องขยันกว่าแชมป์อย่างน้อย 3 เท่า ดังนั้นตนต้องขยันไม่น้อยกว่า 3-5 เท่า ถึงจะสู้แชมป์ได้ ดังนั้นตนจะเริ่มเดินสาย โดยตั้งใจจะพบกับประธานสาขา, ผู้มีสิทธิหยั่งเสียง และประชาชนในทุกภาค ซึ่งในวันที่ 30 กันยายน – 1 ตุลาคมตนและคณะจะลงพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช ดังนั้นหากประชาชนอยากให้ตนมาทำหน้าที่ตรงนี้ เราก็จะชวนเขามาเป็นสมาชิกพรรค

เมื่อถามอีกว่ากังวลว่าการลงพื้นที่หาเสียงเลือกหัวหน้าพรรค สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะยังไม่มีการปลดล็อกการเมืองเต็มที่ นพ.วรงค์ กล่าวว่าตนเข้าใจกติกาดี โดยสิ่งที่ตนทำจะอยู่ภายในกรอบกิจกรรมภายในพรรค และอยู่ในกรอบกฎการเลือกตั้งผู้บริหารพรรค ดังนั้นคำชี้แจงต่างๆ ที่จะพูดกับสมาชิก ตนถือว่าทำอยู่ในกรอบการเลือกหัวหน้าพรรค ตนถึงบอกว่ายังไม่มีการแถลงนโยบาย เพียงตแต่บอกว่าเรากำลังขายฝันของเราให้กับสมาชิกรับทราบ แต่นโยบายที่ตนพูดชัดเจนอยู่แล้วคือ เราจะกระจายอำนาจและสร้างคนใหม่ พร้อมให้บทบาทประธานสาขาพรรคช่วยดูแลพื้นที่ ช่วยเหลือประชาชน และจะต้องทำงานเคียงข้างกับรัฐมนตรีของพรรค และหัวหน้าพรรค โดยเชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้พรรคปชป.เข้มแข็งขึ้น เพราะอดีตไม่เคยมีเช่นนี้มาก่อน

เมื่อถามว่าคิดว่าจะพลิกโฉมพรรคปชป.ได้มากแค่ไหน นพ.วรงค์กล่าวว่าอุดมการณ์ของเรายังเหมือนเดิม ทั้งความซื่อสัตย์สุจริต แต่สไตล์ในการเมืองและการบริหารกองค์กร ทำงานแบบเป็นทีมเปิดกว้างและสร้างคนขึ้นมา เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็น และนโยบายต่างๆ เรามองอย่างชัดเจนไปไกลกว่า 20 ปีข้างหน้า โดยฝันว่าประเทศไทยจะต้องอยู่เคียงบ่าเคียงใหล่ประเทศชั้นนำของโลก นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าเราจะสร้างความแตกต่างให้ดีขึ้น

 

ที่มา : มติชนออนไลน์