สนธยา : เดิมพันเลือด “คุณปลื้ม” คืนสู่เก้าอี้นายกเมือง Neo – Pattaya

สัมภาษณ์พิเศษ

เดิมพันของ “สนธยา คุณปลื้ม” ในการกลับมาสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการควบตำแหน่ง “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” และ “นายกเมืองพัทยา” ที่มาจากอำนาจมาตรา 44 แห่งองค์อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ตระกูล “คุณปลื้ม” ต้องแลกอนาคตพรรคพลังชล และอิสรภาพทางการเมือง ทั้งครอบครัว อย่างน้อยก็ 1 สมัยการเลือกตั้ง

ตระกูล “คุณปลื้ม” ต้องทอดตัวเข้าสู่การเป็นกรรมการบริหารพรรค “พลังประชารัฐ” พร้อมส่งผู้รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพลังประชารัฐทั้งจังหวัด

ตัวเลข 8 แต้ม คืออีก 1 เดิมพันที่ “คุณปลื้ม” ต้องจัดให้พรรคพลังประชารัฐ

กระนั้นก็ตาม “สนธยา” ก็ยินดีรับข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จากคอนเน็กชั่นนายพลผู้ทรงอิทธิพล-เพื่อนรัก ที่รู้จักกันตั้งแต่รุ่น “พ่อ”

“สนธยา” กล่าวว่า เขายินดีที่ได้กลับสู่การทำงานการเมืองในฐานะ “นายกเมืองพัทยา”

“ซึ่งสมาชิกสภาเมืองพัทยา จะเข้าใจถึงความเป็นคนชลบุรีในสายเลือดของพวกเราทุกคน ที่จะมุ่งทำให้บ้านของเราก้าวหน้าและมีความสุข”

“ในความเป็นนักการเมือง ไม่ว่าจะในระดับประเทศหรือท้องถิ่น หรือจะพรรคไหน พวกเราก็มีเป้าหมายเดียวกันคือทำงานให้พี่น้องในชลบุรี แต่หลายสิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีทั้งที่เป็นโอกาส และมีทั้งที่เป็นอุปสรรค จนผมคิดว่าพวกเราเผชิญความท้าทายอย่างมากในขณะนี้”

ปฏิวัติท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมในรอบ 60 ปี

“สนธยา” เล่าความคิดและความในใจถึงแนวทางในการนำพาเมืองพัทยาไปสู่อนาคตว่า

“บันทึกการเกิดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของพัทยาและชลบุรีเริ่มขึ้นในปี 2502 คือ 60 ปีมาแล้ว ถ้ามองย้อนไปในช่วงเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 จะเห็นว่าชลบุรีได้รับผลกระทบน้อย เพราะเมืองของเรายืนอยู่บนเศรษฐกิจหลายขา มีทั้งท่องเที่ยว อุตสาหกรรม เกษตร/ประมง ขนส่งและพาณิชย์ เมื่อเกิดปัญหาด้านหนึ่ง ด้านอื่น ๆ ก็มาพยุงไว้ได้ จึงเป็นจุดแข็งที่สำคัญ”

“แต่ปัจจุบันและอนาคตอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เพราะปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศที่หลั่งไหลมากระทบพวกเรา”

เสียแชมป์นักท่องเที่ยวจีนให้ญี่ปุ่น

นายสนธยากล่าวว่า “อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอายุ 60 ปี กำลังสูญเสียแรงดึงดูดในตลาดที่มีคุณภาพ สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกก็เช่นกัน ในกรณีของประเทศจีน เดือนตุลาคมที่จะมีการหยุดงานท่องเที่ยว golden week ในปีนี้ เพิ่งมีรายงานจากสมาคมธุรกิจนำเที่ยวของจีนว่าประเทศไทยเสียแชมป์ให้กับญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี”

“นอกจากนี้สงครามการค้าก็กำลังทำให้ชาวจีนเดือดร้อน มีการเลิกจ้างมากขึ้นตามลำดับ ความสามารถในการจับจ่ายลดลง”

“ในอีกด้านหนึ่งคือเรื่องของขยะในทะเลกำลังเป็นเรื่องสำคัญของโลก”

“ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับหกของโลกที่ทิ้งขยะพลาสติกลงในทะเล คือประมาณปีละ 3 ล้านตัน สิ่งนี้มีความสำคัญไม่ใช่เฉพาะด้านการท่องเที่ยวชายทะเล แต่เกี่ยวพันกับอนาคตของลูกหลานของเราและคนทั้งโลก เพราะนักวิทยาศาสตร์พบว่าขยะพลาสติกอ่อนตัวลงแล้วเป็นอาหารของสัตว์ทะเลโดยเฉพาะปลาหมึก แต่ไม่ย่อยสลาย จึงกลายเป็นอาหารพิษสำหรับคน”

“ฉะนั้นเมืองชายทะเลอย่างพัทยาที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและประชากรจำนวนมาก ย่อมจะถูกจับตาว่าเราทำอะไรกับปัญหาระดับโลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย”

พัทยาศูนย์กลางอีอีซี-ข้ามกับดักรายได้ปานกลาง

นายสนธยากล่าวถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ถึงทำเนียบรัฐบาล คือเรื่องการทำให้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้โชติช่วงชัชวาล ต่อยอดจากอีสเทิร์นซีบอร์ด

“ในระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยของไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปีนี้รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณออกมาเป็นจำนวนมาก และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.5% ในขณะที่ภูมิภาคนี้จะเติบโต 5.1% ที่เป็นเช่นนี้เกิดจากสาเหตุสำคัญคือเรามีเศรษฐกิจที่ก้าวหน้ามาถึงจุดอิ่มตัว แต่ก้าวต่อไปไม่ได้เพราะไม่สามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ตนเองได้”

“การที่เราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่พึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เรามีนักท่องเที่ยวมากมาย แต่รายได้และกำไรส่วนมากไปอยู่กับระบบรับจองออนไลน์ของต่างประเทศ”

นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากับดักรายได้ปานกลาง เป็นสภาพเดียวกันที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี หรือแม้แต่จีน ซึ่งหากไม่สามารถก้าวพ้นกับดักนี้ไปได้ ก็อาจจะถอยกลับไปเป็นประเทศล้าหลังในอนาคต

“นี่คือที่มาของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และอีอีซีที่มุ่งสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญคือการที่ชลบุรี พัทยา เป็นพื้นที่หัวใจของอีอีซี ประเด็นคือเรารักษาบ้านที่มีเสาหลายต้นพยุงอยู่ได้อย่างไร และเราจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ หรือผู้ลงมือทำ”

Neo Pattaya นับ 1 ครั้งที่ 2 ยกระดับชลบุรี

“ผมคิดว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ เป็น Neo Pattaya ที่เราทุกคนจะมีสิ่งต่าง ๆ ต้องทำมากมาย เพื่อปรับสมดุลและเสริมความเข้มแข็งให้เราเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะมาอย่างแน่นอนในไม่ช้า”

นายสนธยาบอกว่า เขาได้เชิญชวนให้สมาชิกสภาเมืองพัทยาและประชาชนในชลบุรี ทำงานร่วมกัน “เพื่อยกระดับบ้านของเรา เป็นการนับหนึ่งครั้งที่สอง หลังจากภาคท่องเที่ยวเดินมาแล้วเป็นเวลาถึง 60 ปี แต่ผมยังให้ความสำคัญกับงาน 4 กลุ่มที่อดีตนายกอิทธิพล คุณปลื้ม วางไว้ นั่นคือ ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม”

“สำคัญกว่านั้นคือ เป็นฐานรากที่มั่นคงที่สุดของประเทศที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้แก่ชาวไทยทุกคน ทรงชี้ว่า การพัฒนาที่มั่นคงจะต้องกระทำอย่างสมดุลระหว่างขาทั้งสี่ ไม่สามารถละเว้นอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะความสุขของคนไม่ได้เกิดจากสิ่งใดสิ่งเดียว”

งานด้านเศรษฐกิจ-เราจะผลักดันตัวเข้าสู่ศูนย์กลางอีอีซีให้ได้อย่างเต็มตัว กระจายโอกาสการพัฒนาไปในทุกสาขาให้ทั่วถึง ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น งานด้านสังคม เราจะสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในด้านการพัฒนาคน ส่วนงานด้านสิ่งแวดล้อม จะสร้างคุณภาพชีวิตรองรับชาวพัทยา ชาวไทยและชาวโลกให้เกิดความมั่นใจ จะจัดการด้านขยะและพลังงานให้มีประสิทธิภาพและทั่วถึง

สำหรับด้านวัฒนธรรมคือ เราจะส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น พึ่งพิงกันได้ระหว่างคนต่างวัย ต่างเพศ ต่างเชื้อชาติ ให้สามัคคี และเชื่อมโยงกันอย่างไร

“งานทั้ง 4 ด้านดังที่ผมสร้างประเด็นขึ้นมานี้ มีบางส่วนที่ดำเนินการอยู่แล้ว และบางส่วนที่อาจต้องพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อปรับน้ำหนักของแต่ละด้านให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งงานอีอีซี แต่พัทยา ชลบุรี น้ำท่วมทุกครั้งที่มีฝน มีขยะมากเกินไป ชาวประมงกำลังใกล้หมดตัว”

“ในการเปิดศักราชใหม่ให้แก่พัทยา หรือ Neo Pattaya เราจึงควรพิจารณา core value หรือค่านิยมหลักไว้ว่า เราน่าจะมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เป็นพื้นฐานสำคัญของทุกงาน เพื่อกระตุ้นความเป็นเจ้าของ ร่วมคิด ร่วมทำไปกับเมืองพัทยา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารหรือฝ่ายสภาเมือง”

นายสนธยา กล่าวตบท้ายว่า “ผมมีความมั่นใจว่าจะทำให้ชาวพัทยาแข็งแกร่ง รากฐานของเราแข็งแกร่ง จนเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญของประเทศ เป็นความภาคภูมิใจของชาวพัทยาได้”