เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืนไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตนีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเลขานุการโครงการระบุไว้ว่าเป็นโครงการที่สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ เพราะข้อเท็จจริงแล้วมีประชาชนร้องเรียนมายังสมาคมจำนวนมาก
อาทิ ที่ จ.เพชรบูรณ์ บางพื้นที่ทำโครงการซื้อโต๊ะจีนเพื่อให้ประชาชนเช่าแล้วนำกำไรมาไว้ในส่วนกลาง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เห็นโต๊ะดังกล่าวแต่อย่างใด หรือที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ทำโครงการเครื่องสูบน้ำด้วยโครงการโซล่าเซลล์แต่กำนันในพื้นที่กลับนำไปใช้เป็นของส่วนตัว หรือการเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อให้ลงมติจะเอาโครงการอะไร ชาวบ้านส่วนใหญ่เลือกการจัดซื้อจัดหาเครื่องครัวเพื่อนำไปใช้ในงานบุญต่างๆของหมู่บ้าน แต่พองบประมาณตกมากลับให้ติดตั้งเสียงตามสายแทน ทั้งๆ ที่ระบบเสียงตามสายในชุมชนมีอยู่แล้ว ที่สำคัญโครงการศาลาเอนกประสงค์ ที่เมื่อทำเสร็จแล้วไม่ให้ประชาชนเข้าไปใช้งาน จนชาวบ้านทนไม่ไหว นำหมาเน่าไปทิ้งในศาลาดังกล่าว ที่สำคัญโครงการดังกล่าวไม่ได้มีการตรวจสอบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นสำเร็จมากน้อยเพียงใด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทั้งนี้ การที่ประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดเดินทางมาร้องเรียนยัง ใช้เวลาและระยะทางในการเดินทางไม่ใช่ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนพึ่งพาหน่วยงานตรวจสอบในพื้นที่เช่นศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ไม่ได้ อาจเป็นเพราะหน่วยงานในพื้นที่ที่ร่วมทำโครงการดังกล่าว ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ซูเอี๊ยกันหรือไม่ ดังนั้นในเดือน พฤศจิกายนนี้จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อเท็จจริงแจ้งสังคม
ที่มา มติชนออนไลน์