“อภิสิทธิ์” ย้ำหาเสียงเลือกหัวหน้าพรรคผู้สมัครต้องเลิกพาดพิง

แฟ้มภาพ

วันที่ 24 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์( ปชป.) พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประมวล พงษ์ถาวราเดช อดีต สส.เขต 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไปหาเสียงในการตั้งหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ ที่ศาลาเอนกประสงค์ ชุมชนหอนาฬิกาในเขตเทศบาลตำบลกำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีสมาชิกจำนวนมากการต้อนรับ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ทหาร และ เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน กกต.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมบันทึกเสียงการปราศรัย ต่างจากกรณีที่นายอภิสิทธิ์เดินทางไปหาเสียงในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด และ อ.ปราณบุรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรค โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีประชาชนทั่วประเทศเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง จึงเปิดโอกาสให้ประชาชนหยั่งเสียงเพื่อเลือกหัวพรรคคนใหม่ และการเลือกตั้งรอบนี้ผู้สมัครหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คนมีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ขณะที่ล่าสุดมีการระบุว่า ตนมีเพียงกระแส แต่ไม่มีคะแนนเสียง จึงขอให้ชาวบางสะพานเปลี่ยนจากกระแสเป็นคะแนน ให้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่หัวพรรคอีกครั้ง เพื่อสานนโยบายเก่าที่ในอดีต ปชป.เคยเป็นรัฐบาลแต่ทำไม่เสร็จ เช่น นโยบายเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินตอบแทน อสม. การประกันรายได้ให้เกษตรกรช่วงที่ราคาผลผลิตตกต่ำ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การปฏิรูปตำรวจ

“ขอย้ำว่าถ้าจะให้ ปชป.ไปเป็นรัฐบาล ต้องถามก่อนว่านโยบายที่พรรคจะทำเพื่อประชาชนตามที่ประกาศไว้ จะทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ก็คงไม่เข้าไปร่วม มีคนถามว่าพรรคใหม่หลายพรรคมีแนวทางสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งมานาน 72 ปี จะไม่ช่วยหรือเป็นกองเชียร์ให้ใคร ไม่ทะเลาะกับใคร แต่จะยืนหยัดเป็นหลักให้กับประเทศ ถ้าจะร่วมกับใครต้องถามว่านโยบายของพรรคที่เสนอไว้จะทำได้หรือไม่ และขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้ง ส่วนตัวยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือไม่ หรือจะเลื่อนหรือไม่ แต่มีการประเมินล่วงหน้าว่าพรรคนั้นพรรคนี้จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่การตัดสินใจอยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศ ถ้าเลือกประชาธิปัตย์ชนะเด็ดขาดก็ไม่มีปัญหา และหากพรรคไม่เป็นเสียงข้างมากต้องมีการเจรจา”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่จะเป็นรัฐบาลที่ดีในอนาคตประกอบด้วยคือต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องใกล้ชิดและเข้าใจประชาชน ต้องมีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ และต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ที่ผ่านมาเดินทางไปหาเสียงหลายจังหวัดทั่วประเทศล้วนแต่ได้รับเสียงสะท้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าราคาแพง ประชาชนมีรายได้น้อยผลผลิตการเกษตรราคาไม่ดี การทำประมงมีปัญหาจากการบังคับใช้กฎหมาย แต่รัฐบาลปัจจุบันแก้ปัญหาไม่ตรงจุด บอกตัวเลขว่าเศรษฐกิจดี แต่ของจริงไม่ทราบว่าดีตรงจุดไหน ที่สำคัญการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดสภาพคล่องขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนนำไปจ่ายสอยได้อย่างอิสระ

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า แอปพลิเคชั่นของพรรคสำหรับใช้ในการหยั่งเสียง ขณะนี้ยังดำเนินการไม่เสร็จซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการพรรคที่จะดำเนินการ แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรดำเนินการเพื่อให้ผู้สนใจลงคะแนนผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ส่วนการดีเบตของผู้สมัครในวันที่ 26 ตุลาคม นี้ จะมีสถานีโทรทัศน์หลายแห่งสนใจไปรายงาน แต่เชื่อว่าจะต้องมีการถ่ายทอดสดผ่านบางช่องทางอย่างแน่นอน และหน่วยงานด้านความมั่นคงจะจับตาอย่างใกล้ชิดหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่กระบวนการนี้ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ได้แจ้ง กกต.ให้ทราบแล้ว และการหาเสียงเป็นไปตามคำสั่ง คสช. ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าช่วงการหยั่งเสียงจะตรงกับการสอบGET- PET ของนักเรียน นั้น จะมีการเลื่อนสอบหรือไม่ เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา

ผู้สื่อถามว่าก่อนการหยั่งเสียง จะมีการทำโพลสำรวจความเห็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ได้ทำเป็นระบบ แต่ยอมรับว่าการทำโพลคงไม่ง่ายจากการสุ่มตัวอย่างโดยพบกับสมาชิก เนื่องจากจะมีประชาชนที่อาจจะไม่เป็นสมาชิกอีกจำนวนมาก ขณะเดียวผู้สมัครหัวหน้าพรรคเดินทางไปหาเสียงทุกภาคเพื่อพบสมาชิก เมื่อถามว่าผู้สมัคร สส.บางรายในภาคอีสานที่ให้การสนับสนุนนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อาจมีปัญหาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ หากนายแพทย์วรงค์สอบตก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนยืนยันว่าจะช่วยเหลือพรรค ทำงานกับพรรคต่อไป

“ส่วนกองเชียร์ของผู้สมัครใน จ.นครศรีธรรมราชจะขัดแย้งกัน ต้องยอมรับว่าการแข่งขันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ขณะนี้ได้กำชับให้หลีกเลี่ยงการพาดพิง เพราะทุกคนต้องทำงานด้วยกันต่อไป”นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์