“ทักษิณ” สลับแผน จัดโผ 4 พรรค ผ่องถ่าย ส.ส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์ หวังกินรวบ 300 เสียง

ยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” เป็น “เกม-แก้-เกม” สูตรเลือกตั้งตามสูตร “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่ใช้คะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบเขตทั้งหมดแล้วไปคิดหา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในสัดส่วน 7 หมื่นคะแนนได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน แต่ถ้าพรรคไหนได้ ส.ส.เขตมากจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลงตามสัดส่วนไปด้วย

พรรคเพื่อไทยที่ได้ 204 เสียง ในการเลือกตั้งทางการปี 2554 จึงใช้สูตร “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” แก้เกมแตกพรรคย่อยออกมาเป็นแบงก์ร้อย ออกมาอีก 4 ใบ 4 พรรค เปรียบเหมือน “พรรคพี่-พรรคน้อง”

ให้พรรคหนึ่งเป็นพรรคหลัก ส่งบิ๊กเนมลง ส.ส.เขตเพื่อเรียกคะแนนให้เกิน 7 หมื่นคะแนน อีกพรรคหนึ่งส่งคนไป “แพ้” เพื่อเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์ให้มากที่สุด เพราะทุก ๆ 7 หมื่นคะแนนได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน ในจำนวน 4 พรรค ประกอบด้วย

หนึ่ง “พรรคประชาชาติ” มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นหัวหน้าพรรค และมีส่วนผสมอย่าง “ทวี สอดส่อง” อดีต ผอ.ศอ.บต.เป็นเลขาธิการพรรค มุ่งเก็บแต้ม ส.ส.เขตในโซน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์แทนพรรคเพื่อไทย ที่ขายไม่ออกใน 50 เขตเลือกตั้ง โซนภาคใต้

สอง “พรรคเพื่อธรรม” เป็นพรรคที่ตั้งมานานนม ไว้ใช้เป็นพรรค “สำรอง” หากเพื่อไทยถูกยุบพรรค แต่ถูกปลุกให้มีชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วน เพื่อแก้เกมสูตรเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมโดยเฉพาะ มี “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เป็นหัวหน้าพรรค ขนาบข้าง “นลินี ทวีสิน” รองหัวหน้าพรรค และ “พงศกร อรรณนพพร” เลขาธิการพรรค ทั้งหมดเคยเป็นคนระดับ “สายตรง” ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่-ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย

สาม “พรรคเพื่อชาติ” ยังไม่มี “หัวหน้าพรรค” แต่คนอยู่เบื้องหลังคือ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภา แกนนำเพื่อไทยภาคเหนือ และ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. ด้านหนึ่งเป็นเวทีให้กลุ่ม นปช.บางสาย โดยเฉพาะสายแดงฮาร์ดคอร์ ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ถูกตาต้องใจของคนในพรรคเพื่อไทย ให้มาลงสมัคร ส.ส.กับ “พรรคเพื่อชาติ”

โดยตั้งเป้าส่ง ส.ส.ครบ 350 เขต 19 พ.ย.จะปรากฏชื่อผู้นำพรรคชัดเจน

“เพื่อชาติจะเป็นพรรคเกาะกลางรวบรวม ส.ส.ไว้ก่อน หลังเลือกตั้งค่อยกำหนดท่าที เพราะต่อให้พรรคไหนได้ ส.ส.ทั้งหมด 350 เขต ก็ตั้งนายกฯไม่ได้ ต้องมี 376 เสียง” แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อชาติกล่าว

แต่แล้วหลังจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “ทักษิณ” บินออกจากญี่ปุ่น กลับมาปักหลักฮ่องกง มีแกนนำเพื่อไทยขนสัมภาระพร้อมวาระการเมือง “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” ไปตั้งวงสนทนา

ชื่อ “ไทยรักษาชาติ” พรรคใหม่เอี่ยมเป็นพรรคที่ 4 ก็อุบัติขึ้น เพื่อเก็บคะแนนตกน้ำอีกพรรคหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สูตรดังกล่าวถูกเขย่ามานานกว่า 3 สัปดาห์ ยังไม่คืบหน้า ไม่มีความชัดเจนว่าจะให้พรรคใดเป็นพรรคหลัก หรือพรรครอง พรรคไหนเก็บเขต-พรรคไหนส่งคนไปแพ้ เพื่อเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์ และยังไม่มีการผ่องถ่าย ส.ส. กันอย่างเป็นรูปธรรม

ท่ามกลางความวิตกกังวลของ ส.ส.ว่าการแตกพรรคย่อยออกมา จะเป็นการ “ตัดแต้มกันเอง” 

อีกทั้งหัวหน้ามุ้งบ้านใหญ่ยังขอปักหลักที่พรรคเพื่อไทย เป็นการยากที่ “ทักษิณ” จะผ่องถ่าย ส.ส.ไปพรรคอะไหล่

ขณะที่วงประชุมที่ฮ่องกงที่มี “ทักษิณ” อยู่ในวงหารือ มีการ “สับเปลี่ยน” แผนกันไปมาหลายตลบตามสถานการณ์

โดยแผนการล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะใช้พรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ส่วน ส.ส.เขตเพื่อไทยให้ย้ายมาลงพรรคเพื่อธรรม

แม้กระทั่งในนาทีนี้ “พรรคไทยรักษาชาติ” ยังไม่มีอยู่ในสารบบพรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ ถ้าจะ set up สร้างพรรคใหม่ขึ้นมาต้องผ่านขั้นตอนจองชื่อพรรค-จัดตั้งพรรค กว่า กกต.จะอนุมัติตั้งพรรคการเมือง อาจไม่ทันส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งปี”62

เว้นแต่ว่าจะไป “เซ้ง” พรรคการเมืองที่มีเจ้าของอยู่แล้ว แล้วนำมาเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่เป็น “ไทยรักษาชาติ” เท่านั้น

หนทางได้ 300 เสียงของพรรคเพื่อไทย จึงต้องเอาหลังพิงพันธมิตรการเมืองอื่น ๆ นอกเหนือจากพรรคอะไหล่ที่แตกหน่อจากเพื่อไทย 4 พรรค

ทั้ง “พรรคอนาคตใหม่” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และพวก ทั้ง “เสรีรวมไทย” ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส  อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ประกาศตัวเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อไทย

รวมถึง “พรรคชาติไทยพัฒนา” พันธมิตรเก่าดั้งเดิม ที่เพิ่งทำเซอร์ไพรส์การเมือง ด้วยการดึงตระกูล “สะสมทรัพย์” บ้านใหญ่นครปฐม ที่แตกตัวออกจากเพื่อไทยไปซบตัก ที่พร้อมจะสับสวิตช์มาอยู่ฝ่ายเดียวกับพรรคเพื่อไทยได้ทุกเมื่อ

และ “ภูมิใจไทย” ที่ขอดูคะแนนหลังเลือกตั้งก่อนตัดสินใจ


นาทีนี้ สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยยังคงสั่นไหว ยังคงไม่ลงตัว แม้เวลาเลือกตั้งถอยร่นเข้ามาทุกที