“ทักษิณ” จับปลา 2 พรรค หักขาใหญ่เพื่อไทย-ชู “ไทยรักษาชาติ” สุดซอย

รายงานพิเศษ

สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทย ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นเงาใหญ่อยู่ฉากหลัง อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นพรรคเกือบแตก

ทั้งที่เส้นทางการเลือกตั้ง หากเป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 ยังเหลือเวลาอีกร้อยกว่าวัน

หลังจากยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” เพื่อนำมาเป็น “เกมแก้” กับดักรัฐธรรมนูญมีชัย ถูกคิดกันมา 2-3 เดือนเต็ม เพื่อให้พรรคหนึ่งเป็นพรรคหลักเก็บคะแนน ส.ส.เขต และอีกพรรคหนึ่งเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์

จาก “เพื่อไทย” แตกหน่อเป็นประชาชาติ เพื่อธรรม เพื่อชาติ กับล่าสุด ไทยรักษาชาติ (ทษช.) แต่แผนทักษิณชักเข้า-ชักออก เปลี่ยนไป เปลี่ยนมาอยู่หลายตลบ-หลายรอบ

กว่าจะตกผลึกเป็นแผนการล่าสุด เกือบถึงวันเส้นตาย 90 วันก่อนเลือกตั้ง

แผนใหม่ของ “ทักษิณ” ให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลัก เก็บ ส.ส.เขต และให้ ทษช. ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อ 7 พ.ย. มี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นว่าที่หัวหน้าพรรค เป็นพรรคเก็บแต้มปาร์ตี้ลิสต์

ประเมินกันภายใน-ในกลุ่มนักการเมืองที่โคจรไปหานายใหญ่ทักษิณว่า เพื่อไทยจะเก็บแต้มเขตที่จะได้แน่ ๆ ราว 170-180 เสียง อาจทำให้มีที่ว่างมีปาร์ตี้ลิสต์ราว 5-10 ที่นั่ง ตามคะแนนพึงมี ส่วน ทษช.ให้เป็นพรรคที่ส่ง “คนไปแพ้” เพื่อเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ โดยจะไม่ส่งคนทับซ้อนกับเขตของเพื่อไทย เขตไหนที่มีเพื่อไทยลง เขตนั้นจะไม่มี ทษช.

“วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” อดีต ส.ส.แพร่ เพื่อไทย ที่ย้ายไปเป็นกรรมการสรรหาผู้สมัคร ทษช. กล่าวว่า พรรคจะเริ่มพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยเน้นคนรุ่นใหม่ และจะส่งมากกว่า 100 เขตขึ้นไป โดยหลังวันที่ 19 พ.ย. จะขับเคลื่อนทางการเมืองมากขึ้น

พรรคลูก-หลานทักษิณ

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลัง ทษช.ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูคอนเซ็ปต์ “โลกก้าวไกล…ไทยต้องก้าวทัน”

คลาคล่ำไปด้วยเครือญาติ-ทีมงาน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” แถมที่ทำการพรรคยังใช้อาคารย่านศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา “ทักษิณ” เป็นฐานบัญชาการ

ในบรรดา 14 คณะกรรมการบริหารพรรค ทษช. บวกกับ 11 คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ล้วนมีความเกี่ยวข้อง-เกี่ยวโยงกับ “ตระกูลชินวัตร” แทบทุกคน

นับตั้งแต่ “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช” บุตรชายของ “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” อดีต รมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้าพรรค เบียด “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” อดีตรองหัวหน้าเพื่อไทย ที่หลุดโผในโค้งสุดท้าย

เป็นอันว่าจากนี้ไป จะไม่มีชื่อ “ปานปรีย์” ในเพื่อไทย และ ทษช. สำหรับเหตุผลที่เคาะชื่อ “ร.ท.ปรีชาพล” เคยเป็นดาวสภา-พูดภาษาอังกฤษได้ เคยประชันความคิดการเมืองเป็นภาษาอังกฤษ บนเวทีเดียวกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

รองหัวหน้าพรรค อาทิ “ฤภพ ชินวัตร” บุตรชาย นายพายัพ ชินวัตร น้องชายของนายทักษิณ-“สุณีย์ เหลืองวิจิตร” อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย คนสนิทของ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรคเพื่อไทย “พฤฒิชัย วิริยะโรจน์” อดีตผู้แทนการค้าไทยในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เลขาธิการพรรค คือ “มิตติ ติยะไพรัช” ลูกชายแท้ ๆ ของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภาผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อชาติ ซึ่งในช่วงกลางเดือน ต.ค. “ยงยุทธ” บินไปพบทักษิณ ที่ฮ่องกง ก่อนปรากฏเป็นข่าวว่ามี ทษช.อยู่ในสารบบการเมือง เพียง 2 วันให้หลัง

รองเลขาธิการพรรค 3 คน คือ “ต้น ณ ระนอง” บุตรชาย “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยิ่งลักษณ์-วิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลูกน้องคนสนิทของ “เฮียเพ้ง”-คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อนสนิท “แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนเล็กของ “ทักษิณ”

ส่วนตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” อาทิ “ชยิกา วงศ์นภาจันทร์” บุตรสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ เป็นนายทะเบียนพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค มีทั้งหมด 11 คน อาทิ “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย-วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่ เพื่อไทย-กฤษณา สีหลักษณ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งทั้งสองเป็นคนสนิท “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” น้องสาวทักษิณ

พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 และนายร้อยตำรวจ 26 ของทักษิณ ส่วน “พิชิต ชื่นบาน” หัวหน้าทีมทนายของตระกูลชินวัตร อดีต ส.ส.เพื่อไทย

มีรายงานจาก ทษช.ว่า ในวันที่ 19 พ.ย. พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว “ทีมที่ปรึกษา” ที่คาดว่าจะเป็น “บิ๊กเนม” ในเพื่อไทย ย้ายมาสมทบเพิ่มเติม

บิ๊กเนมชั่งใจ ย้ายไป ทษช.

แต่ในม่านหมอกการเมืองที่อลหม่านในพรรคเพื่อไทย หลังการกำเนิด ทษช. มีเค้าลางความปั่นป่วน เริ่มต้นตั้งแต่หลังการประชุมใหญ่พรรค เมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม ที่มี “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” เป็นหัวหน้าพรรค มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นเลขาธิการพรรค ทำหน้าที่ต่อไป

โดย “ทักษิณ” และหลังบ้านชินวัตร ยังคงรักษาดีลเก่าที่มีกับ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ให้ตำแหน่งเป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เพื่อสงบศึกเกมชิงหัวหน้าพรรคภายใน

แต่เอาเข้าจริง หลังจาก “คุณหญิงสุดารัตน์” ได้รับบทบาทนำในพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่าเกิดศึกเกาเหลาหนักกว่าเก่า

เพราะแกนนำคนสำคัญในวงกฎหมาย ในวงยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ของพรรค ที่เคยร่วมกำหนดความเคลื่อนไหวของพรรค ถูกกันจากวงโคจร ไม่มีการเรียกเข้าร่วมประชุมยุทธศาสตร์เลือกตั้งที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” เป็นประธาน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนักการเมืองระดับ “บิ๊กเนม” ในพรรคหลายคน จึงปรากฏข่าวว่า จาตุรนต์ ฉายแสง-นพดล ปัทมะ-พิชัย นริพทะพันธุ์-เกรียง กัลป์ตินันท์ ซึ่งอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ลงรอยกับฝั่ง “คุณหญิงสุดารัตน์” อยู่แล้ว มีท่าทีจะไปลงเอยกับ ทษช.

แต่หลังจาก ทษช.เปิดตัว เห็นหน้า-เห็นตัว ทีมหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรค แกนนำระดับ “บิ๊กเนม” ยังรอจังหวะอยู่ใน “เซฟโซน” ไม่ตัดสินใจ…ยังไม่กล้าเอาตัวไปเสี่ยง แม้จะมีโควตาปาร์ตี้ลิสต์พรรคเป็นตัวการันตี

ขณะเดียวกัน ฝั่ง ทษช.ที่เห็นร่องรอยความขัดแย้งในเพื่อไทย ก็หวังว่าจะใช้วิกฤตนี้โน้มน้าว “บิ๊กเนม” ในเพื่อไทย ให้โอนมาอยู่ ทษช. ก่อนถึงวันที่ 19 พ.ย. ที่จะมีการเปิดตัวทีมที่ปรึกษา-นโยบายพรรคชุดใหม่

แหล่งข่าวจาก ทษช.ที่ไม่ประสงค์ออกนามบอกว่า “เวลานี้แกนนำในเพื่อไทยหลายคน ขัดแย้งกับกลุ่มลาดปลาเค้าของคุณหญิงสุดารัตน์อย่างหนัก อีกทั้งบิ๊กเนมบางส่วนก็ต้องการมีพื้นที่ปาร์ตี้ลิสต์ และควรอยู่ในระดับจะได้เป็น ส.ส.ในสภา ไม่ต้องลงเลือกตั้งในเขต ถ้ามาอยู่ ทษช.อย่างน้อยก็มีพื้นที่ปาร์ตี้ลิสต์ใน 10 อันดับแรกเป็นเครื่องการันตีอยู่แล้ว”

แม้แผนของ “ทักษิณ” วาง “เพื่อไทย” เป็นพรรคหลัก “ทษช.” พรรคเสริม แต่นาทีนี้ ใคร ๆ ในพรรคเพื่อไทยก็รู้ว่า เป็นครั้งแรกที่ “ทักษิณ” สั่งให้ ส.ส.โอนย้ายพรรคไม่ได้

ประชาชาติเก็บแต้มภาคใต้

นอกจากเพื่อไทย-ทษช.ในเกมแก้สูตรรัฐธรรมนูญมีชัย ยังมีอีก 2 พรรค ที่ “ทักษิณ” แอบหวังว่าจะช่วยโกยแต้ม ส.ส.ให้เพื่อไทย เป็นฝ่ายกลับมาชนะคณะรัฐประหาร เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ

ประชาชาติ-เพื่อชาติ คือ 2 พรรคที่อยู่ในความหวังของนายใหญ่

“ประชาชาติ” ที่มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นหัวหน้าพรรค ปักหมุดชิงเก้าอี้ ส.ส. 13 ที่นั่ง ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และหวังไปไกลกว่านั้นคือ เขตเลือกตั้งโซนฝั่งอันดามัน ที่มีกลุ่มมุสลิมค่อนข้างมาก พร้อมทั้งเก็บคะแนนในอีก 37 เขตเลือกตั้ง เพื่อโกย ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ช่วยเพื่อไทย

กับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “ประชาชาติ” เพิ่งได้การรับรองจาก กกต. ให้เป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา

ส่วน “เพื่อชาติ” ที่มีผู้สนับสนุนหลัก คือ ยงยุทธ ติยะไพรัช-จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กลายเป็นที่ยืนของกลุ่มนักการเมืองสายเสื้อแดง นปช. ที่ไม่มีที่ลงในพรรคเพื่อไทย

สถานะจึงกลายเป็นพรรคแนวร่วมมากกว่าพรรคเสริมเหมือน ทษช. บนความคาดหวังของเพื่อชาติว่า หากเก็บแต้ม 2.1 แสนแต้ม ก็ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แล้ว 3 คน ตามสูตร ดีกว่าอยู่เพื่อไทยแล้วไม่มีที่ยืน

ทิ้งร้างเพื่อธรรม

ปิดท้ายกลุ่มคนที่น่าเห็นใจที่สุด คือ คนที่เปิดเกม “พรรคเพื่อธรรม” คือ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค-นลินี ทวีสิน รองหัวหน้าพรรค-พงศกร อรรณนพพร เลขาธิการพรรค คนในเครือข่ายนายใหญ่ทักษิณ ที่เปิดตัวไปเมื่อ 30 ก.ย.

เพราะข่าวล่าสุด “พรรคเพื่อธรรม” ที่ถูกวางเป็นพรรคอะไหล่ หากเพื่อไทยถูกยุบพรรค จะไม่มีการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว ตามยุทธศาสตร์ใหม่ของ “ทักษิณ”

แกนนำเพื่อธรรม จึงกลายเป็น “ผู้เสียสละ” เฝ้าพรรคร้างไปโดยปริยาย พรรคการเมืองในเครือข่ายทักษิณ-เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ-ประชาชาติ-เพื่อธรรม

มีเพียงแค่ 4 จาก 5 พรรคเท่านั้น ที่ใช้งานจริงในการเดิมพันเกมเลือกตั้ง