เมื่อเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ และพิธีส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนแก่ประเทศไทยในปี 2562 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในพิธีส่งมอบตําแหน่งประธานอาเซียนว่า ผมขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง และทีมประธานอาเซียนของสิงคโปร์ สำหรับความสำเร็จในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนที่มีความเข้มแข็งและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ไทยจะสานต่อประเด็นที่อาเซียนได้ให้ความสาคัญในปีนี้ โดยเฉพาะเรื่องเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน เพื่อสร้างความต่อเนื่อง และให้เกิดผลอย่างยั่งยืนให้กับประชาคมอาเซียน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ภายหลังการก่อตั้งอาเซียนที่กรุงเทพฯ ในปี 2510 ผ่านมากว่า 5 ทศวรรษมาแล้ว อาเซียนได้เป็นประชาคม ในภูมิภาคที่มีสันติภาพและความมั่นคง อาเซียนได้เจริญเติบโตเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับ 6 ของโลกและมีแนวโน้ม ที่จะก้าวไปสู่ลำดับที่ 4 ของโลก ภายในปี ค.ศ.2030 มีบทบาทที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศและเป็นแกนกลาง ในสถาปัตยกรรมภูมิภาค อย่างไรก็ดี อาเซียนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย อาทิ การแข่งขันทางการค้าและการเมือง เทคโนโลยีก้าวกระโดด อาชญากรรมข้ามชาติ ความเหลื่อมล้ำ และความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคม ในภูมิภาค
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 10 ประเทศจะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของเอกภาพอาเซียนและหลักการ สามเอ็ม (3Ms) คือ การไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน (mutual trust) ความเคารพซึ่งกันและกัน (mutual respect) และผลประโยชน์ร่วมกัน (mutual benefit) เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และเกิดความยั่งยืนให้กับอาเซียนในทุกมิติ ดังนั้น ผมมีความภูมิใจที่จะประกาศแนวคิดสาหรับปีที่ไทยเป็นประธานอาเซียน คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการ ดังนี้
หนึ่ง ‘การก้าวไกล’ (Advancing) โดยให้อาเซียนมองและก้าวไปด้วยกันสู่อนาคตอย่างมีพลวัต ใช้ประโยชน์จากวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่ ไปกับการสร้างระบบภูมิคุ้มกันจากเทคโนโลยีก้าวกระโดด และความท้าทายต่างๆ ในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับ MSMEs เพื่อก้าวไปสู่ดิจิทัลอาเซียน (Digital ASEAN)
สอง ‘การร่วมมือร่วมใจ’ (Partnership) ผ่านการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนภายในอาเซียนและกับประเทศ คู่เจรจาและประชาคมโลกโดยการเสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนพลัสวันและโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาค ที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง เพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ โดยคานึงถึงความสมดุลและประโยชน์ ต่อประชาชน และเพิ่มบทบาทของอาเซียนในเวทีโลกเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสาคัญต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการนี้ ตัวขับเคลื่อนสาคัญสำหรับอาเซียนคือการส่งเสริมความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ การเชื่อมโยงประชาชน โดยเฉพาะในบริบทของปีวัฒนธรรมอาเซียน ค.ศ.2019 รวมถึงการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ ความเชื่อมโยงต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อก้าวไปสู่อําเซียนที่ไร้รอยต่อ (Seamless ASEAN)
สาม ‘ความยั่งยืน’ (Sustainability) กล่าวคือ การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงที่ยั่งยืน ความยั่งยืนด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์อาเซียน เพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและมีนวัตกรรม จะมีบทบาทสาคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โดยสรุป ผมขอเชิญชวนประเทศสมาชิก ประชาชน และทุกภาคส่วนของอาเซียนร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ในการสร้าง ASEAN Brand ด้วยกัน ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางยุทธศาสตร์ให้กับอาเซียน เสริมสร้างอัตลักษณ์ ของอาเซียน และช่วยให้อาเซียนสามารถเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคตอย่างภาคภูมิใจ ผมขอรับมอบการเป็นประธานอาเซียนปี 2019 ต่อจากสิงคโปร์เพื่ออาเซียน “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” แล้วพบกันที่ประเทศไทยปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 18.30 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานสิงคโปร์ ชางงี กลับประเทศไทย โดยเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) เวลา 20.00 น.
ที่มา มติชนออนไลน์